นานาทัศนะ กับการเติบโตในธุรกิจของเจ้าของสำนักงาน
“ผมเป็นคนนครศรีธรรมราช เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้งทั้งหมด 6 คน แต่ก่อนครอบครัวผมลำบากมาก พอจบ ป.6 ก็มาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ทางด้านช่างยนต์ ก็ได้พี่สาวที่เป็นครูส่งเรียนจนจบ ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นประมาณ 1 ปี ทางบริษัทก็ส่งไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นทางด้านวิศวกรรม รวม 9 ปีที่อยู่กับบริษัทนี้ จากนั้นผมจึงหันมาเปิดบริษัทส่วนตัว ซ่อมเครื่องปั๊มลมในโรงงานอุตสาหกรรมตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มีรายได้พอสมควร ภรรยาผมมินทร์ฐิตา มีลูก 2 คน คนโตกำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ”
รู้จักอยุธยา อลิอันซ์ ได้อย่างไร
“ผมรู้จักอยุธยาฯ ผ่านทางภรรยาครับ เพราะหลังจากเธอคลอดลูกก็ได้ลาออกจากการเป็นเลขาฯ นายฝรั่งมาเลี้ยงลูก แต่พอลูกโตขึ้น ผมคิดว่าภรรยาน่าจะต้องหารายได้เสริมเพราะฐานะครอบครัวเรายังไม่มั่นคงพอ ซึ่งก็ได้ลองทำมาหลายอย่าง และอาชีพที่คิดว่าเหมาะสมก็คือ "ประกันชีวิต" เพราะไม่มีกำหนดระยะเวลาในการทำงาน เธอจึงกว้าเข้าสู่ธุรกิจประกันเมื่อ 15 ปีที่แล้ว โดยหาลูกค้าจากการออกบูธตามโรงพยาบาลและห้างสรรพสินค้าที่มีคนเยอะๆ จนในวันหนึ่งขณะที่ผมทำงานประจำ ก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวยุโรปจากผลงานของภรรยา ตอนนั้คิดว่าถ้ากลับมาจะลองทำธุรกิจประกันเต็มตัวดูสักที เพราะผมเห็นแล้วว่าประกันมันดีจริงๆ ในเรื่องของรายได้ ความคิดของผม ประกันทำง่ายกว่า มีรายได้มากกว่า แต่ความลำบากน้อยกว่ากันมาก ซึ่งเราสามารถกำหนดรายได้ว่าจะให้เข้ามายังไง มากน้อยแค่ไหน แต่กับธุรกิจอื่นๆ ค่าใช้จ่ายแฝงมันเยอะ ทำให้เราควบคุมรายรับรายจ่ายได้ไม่ดีเท่า”
เหตุผลที่เปิด AO
“เรียกว่าเป็นความบังเอิญดีกว่า ผมเปิดด้วยความไม่พร้อมเลย แต่ได้ปรึกษากับคุณภรรยา ก็บอกว่าถ้ารอพร้อมเราคงไม่ได้เปิด ผมจึงตัดสินใจซื้อตึกที่ติดถนนพหลโยธินโดยนึกถึงทำเลเป็นที่ตั้ง เพราะที่ตรงนี้ไม่ไกลจากบ้านและที่ทำงานของผมเกินไปนัก ใครไปมาก็สะดวก ที่จอดรถกว้างขวาง เมื่อเราได้ทำเลที่ดี ก็สามารถบริหารจัดการทุกอย่างได้ลงตัว ทำให้ภาพพจน์ของบริษัทฯ ชัดเจนขึ้น คนแถวนี้เข้ามาจ่ายเบี้ยกับเรา ซึ่งเราก็มีทีมงานและเลขาฯ คอยดูแล ทำให้เราได้ลูกค้ากลุ่มเล้กๆ กลุ่มนี้เพิ่มขึ้น”
ได้อะไรจากการเปิด AO
“ความเปลี่ยนแปลงหลังเปิด AO แน่นอนคือรายได้ที่เพิ่มเข้ามาอีก 1 ช่องทาง 8% จากยอดขายในส่วนของกลุ่มเรานับว่าเยอะพอสมควร เป็นหน้าตาของบริษัทฯ มันทำให้เราเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างแท้จริง จากตัวแทน ผู้บริหาร ผู้บริหารฝ่ายขาย และเป็นเจ้าของสำนักงานในที่สุด มันครบสมบูรณ์แบบในธุรกิจประกัน”
หน่วยงานในสังกัด
“ที่นี่มี 16 หน่วย มีบางหน่วยกำลังจะแยกไปเปิดสำนักงานที่ศรีราชา ของผมเป็นคนแรกในกลุ่ม 459 ที่ออกมาเปิดสำนักงาน แต่ถ้าในสายงานผมก้ยังคงเข้าไปช่วยดูแลตกแต่งให้เช่น สำนักงานดาราเทวีที่เชียงใหม่ อย่างสำนักงานของผมนี้ก็ตกแต่งเอง คือเราอยู่ในวงการก่อสร้างมาก่อน ทำให้เลือกใช้วัสดุและต้นทุนที่ถูกได้ เพียงแต่ต้องทำให้ตรงกับกฏกติกาของบริษัทฯ ซึ่งทางฝ่าย AO เองเขาก็อนุญาตให้เราทำได้เต็มที่ กิจกรรมส่วนใหญ่จะใช้ของส่วนกลาง โดยเราจะแพ็คกันไปเป็นทีมของพหลโยธิน ผมไม่มีนโยบายที่จะทำกิจกรรมแยก เพราะผมเชื่อว่ากลุ่มจะทำให้เราเกิดพลัง เพราะฉะนั้นในกลุ่มเดียวกันก็ควรทำงานด้วยกัน”
หลักการทำงาน
“ในช่วง 1-2 ปีแรกที่ผมเข้ามาทำประกันเต็มตัว ก็ลองมาเรื่อยๆ จนเติบโตอยู่กับอลิอันซ์ฯ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2545 แต่ปัจจุบันผมยังมีบริษัทเครื่องปรับอากาศ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และยังดูแลบริษัทติดตั้งกระจก อลูมิเนียมอยู่ โดยทำควบคู่กันไปกับงานประกันชีวิต ผมไม่ค่อยขายเงินฝาก หรือพูดได้ว่าแทบจะไม่มีเลย ส่วนใหญ่ผมจะขาย 90/21 เยอะมาก ตัวผมเองก้ซื้ออันนี้เพราะมันคือประกันชีวิตจริงๆ ลูกค้าของผมส่วนใหญ่มาจากการออกบูธของภรรยา และพวกเพื่อนๆ พี่น้อง คนที่สนิทกันมาก่อน หลักการทำงานของผมคือ ผมยังไม่ขายประกันจนกว่าลูกค้าจะพร้อมแล้วมาขอซื้อเอง ผมจะบอกแค่ว่าผมมีความรู้ทางด้านประกันนะ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ถ้ามีอะไรที่ผมสามารถช่วยได้ผมจัดการให้ ถ้าคุณมั่นใจก็ค่อยมาซื้อกับผม ผมก็จะแนะนำและบอกเขาว่าแบบไหนมันดียังไง หากเปรียบเทียบกับอาชีพทนาย ผมก็เหมือนทนายของการประกันชีวิต”
เป้าหมายที่ตั้งไว้
ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องมีทีมงานให้ได้ 50 หน่วย ซึ่งตอนนี้ก็กำลังพยายามทำอยู่ เพราะถ้าใน AO มีสายตรง 30-50 หน่วยนี่เรียกเสี่ยได้เลย แค่ตอนนี้ของผมมี 15 หน่วย ทุกวันนี้ก็ไม่ต้องผ่อน AO เองแล้ว เพียงแต่เดือนนี้อาจจะต้องเติมเงินเข้าไปบ้าง เพราะบางเดือนรายได้มาไม่เท่ากันแล้วแต่การทำงานของหน่วยเรา”
ความเปลี่ยนแปลงหลังจากเข้ามาสู่ธุรกิจประกันชีวิต
“ชีวิตเปลี่ยนแปลงเยอะมาก เหมือนตอนสมัยที่ผมเป็นทหาร ผมเคยคิดที่จะหนีทหารแต่ก็ไม่ได้ทำ ในที่สุดชีวิตทหารก็ทำให้ผมรู้จักอดทน ความมีระเบียบวินัย ในวงการประกันชีวิตก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่ได้แน่ๆ คือการทำเพื่อคนอื่น ถ้าคุณทำเพื่อตัวเองคุณจะไม่ได้อะไรเหมือนกับที่ผมกำลังทำอยู่ ผมพูดได้ว่าลูกค้าผมเกือบทั้งหมดมาจากคนที่ผมเคยรู้จัก คนที่ช่วยเหลือผม คนที่เกื้อกูลผม คนที่ไปมาหาสู่กันตลอด ธุรกิจของผมทุกธุรกิจ เขาช่วยเหลือผม รายได้ 90% ของผมมาจากธุรกิจประกันชีวิต ที่เหลือมาจากงานก่อสร้างและธุรกิจอื่นๆ เหตุที่ผมต้องทำธุรกิจอื่นเพราะผมรักที่จะทำ ถ้าลูกค้าไม่มีความสุขกับการซื้อประกันกับผม ผมก็ไม่เอา แค่คุณเป็นเพื่อนผม ผมตอบแทนหมดโดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้า”
ฝากคำขอบคุณ
“ผมไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องขอขอบคุณทุกคนที่อยู่รอบๆ ที่สนับสนุนและคอยให้กำลังใจ คนแรกที่ต้องขอบคุณคือ คุณสง่า พิชญังกูร ท่านคอยปลูกฝังให้เราทำงานอย่างมืออาชีพ เพราะเราทำงานด้วยพื้นฐานรายได้ของตัวเราเอง ขอบคุณทีมงานและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวโยงกัน ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นมาโดยตลอด ขอบคุณภรรยา และลูกทั้ง 2 คน ที่เป็นเด็กดีไม่เกเร เขาเติบโตมาในห้องประชุมประกันชีวิต ได้รับการถ่ายทอดจากสิ่งที่พ่อแม่ทำ ทำให้เขาสามารถเข้าไปบริหารจัดการ AO ได้ ผมใส่ความคิดกับลูกตลอดว่า ถ้าเขาจบปริญญญาตรีได้เงินเดือน 15,000 แต่ถ้าไปบริหารดูแลลูกค้าแทนพ่อกับแม่ เพียงแค่โทรไปคุยกับเขาบอกว่าเป็นลูกของพ่อแม่ มีอะไรให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอก ที่เหลือไม่ต้องทำอะไรเลย ก็มีรายได้ 2 คนแบ่งกันเดือนหนึ่ง 80,000 แล้ว สิ่งที่เขาต้องทำคิอต้องเรียนรู้ ถ้าเขาไม่สนใจไม่ต้องทำตรงนี้ก็ได้ แต่เขาต้เองมาบริหาร ต้องสร้างระบบมาเพื่อรองรับ เพราะว่าทั้งผมและภรรยาก็ยังคงขายไปเรื่อยๆ ทีมงานผมก็ขายอยู่ ถ้าวันหนึ่งผมหยุดเขาก็ต้องมารับช่วงบริหารจัดการต่อ เพราะเรามีรายได้จากส่วนนี้”
ข้อคิดสำหรับตัวแทนที่เข้ามาใหม่
“ผมคิดว่าธุรกิจประกันชีวิตมันดีจนไม่มีที่ติ เพียงแต่จะทำยังไงให้คนที่เข้ามาทำธุรกิจเป็นคนดีด้วย ไม่เอาเปรียบลูกค้า ไม่เปลี่ยนแปลงปรับปรุงอะไร ไม่พูดในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อาชีพนี้ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ มันบริหารจัดการได้ มันขายตัวของมันเอง เพียงแต่คุณต้องมั่นใจก่อนว่าตัวคุณเองมั่นในหลักประกันหรือเปล่า ความรู้ ความสามารถ ความจริงใจ อาชีพนี้อยู่กับเงิน คุณต้องมีความซื่อสัตย์ จิตสำนึกของเราเป็นสิ่งสำคัญ ประกันชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเคยล้มเหลวจากธุรกิจอื่นพอเข้ามาทำแล้วจะสำเร็จ แต่ถ้ามีควสามตั้งใจผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบสูง เลือดคุณเป็นประกันชีวิตไหม ถ้าใช่ผมว่าคุณอยู่ได้ และอยู่ได้ดีด้วย ที่สำคัญคือต้องเป็นคนดี ถ้าจะทำต้องทำอย่างสุจริต ถ้าคุณทำไม่ได้ก็ปล่อยให้คนอื่นที่เขามีความตั้งใจจริงทำดีกว่า”
ข้อคิดการทำงานในธุรกิจประกันชีวิต และเราคงเห็นตัวแทนที่มีจิตสำนึกที่ดี คอยพัฒนาวงการประกันชีวิตให้เติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป
ที่มา : STAR Magazine Volume 7 Issue 9 July 2013
| < Prev | Next > |
|---|
