ธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่ให้โอกาสคน สำหรับคนที่ต้องการโอกาสอย่าลังเลสงสัยในความสำเร็จหรือล้มเหลวของคนอื่น ให้เอาตัวของเราเองเป็นตัววัด
“ดิฉันเป็นคนจังหวัดชลบุรีโดยกำเนิด เป็นลูกคนกลางในจำนวนพี่น้อง 3 คน ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี จึงตัดสินใจทิ้งการเรียนมาทำงานเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่เด็ก หลังจากแต่งงานชีวิตก็ดีขึ้น แต่ก็ต้องมาถึงจุดหักเหอีกครื้งเมื่อสามีตกงาน ในปี 40 สุดท้ายก็ต้องมาเป็นแม่ค้าขายข้าวมันไก่พอได้กินได้ใช้ไปวันๆ ถ้าวันไหนฝนตกขายไม่ได้ ก็ต้องไปยืมเงินข้างบ้าน ไหนจะค่าเทอมลูก ค่าหมอ เพราะลูกคนเล็กป่วยบ่อย ดิฉันคนเดียวต้องเลี้ยงครอบครัวทั้ง 7 ชีวิต”
รู้จักธุรกิจประกันชีวิตเพราะคำว่ารวย
“ได้มีโอกาสไปดูไพ่ยิปซีกับแม่หมอคนหนึ่ง เขาเห็นเราบุคลิกดีจึงชวนให้ไปทำงานกับเขา ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้ว่างานอะไร เขาบอกเพียงแค่ว่าจะรวย พอได้ยินคำนั้นดิฉันก็สนใจขึ้นมาทันที ไม่ทันได้ถามว่างานอะไร แต่พอมารู้ที่หลังว่าเป็นงานขายประกันชีวิต ดิฉันก็ไม่สนใจ ดิฉันทำ MLM มากกว่า 20 บริษัท ทุกยี่ห้อ เริ่มตั้งแต่ปี 38 ก็เลยเบื่อกับงานขาย และคิดว่างานประกันชีวิตก็คงเป็นงานขายเหมื่อนๆ กัน แต่หัวหน้าก็พยายามคะยั้นคะยอ จึงไปสอบเป็นตัวแทน ครั้งแรกไม่ผ่าน หัวหน้าพาไปขายได้ 2 รายแล้ว มีเงินค่าคอม ในบัญชีหมื่นกว่าบาท ครั้งที่สองจึงต้องสอบให้ผ่านเพื่อคอมฯ ที่รออยู่”
“2 ปีของการเป็นตัวแทน ดิฉันต้องทะเลาะกับตัวเองมาโดยตลอด อยากได้เงิน อยากรวย แต่ไม่ชขอบธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งยังไม่เปิดกว้างเหมือนทุกวันนี้ ไม่มีวิชาการ ไม่มีใครคอยบอกว่าประกันชีวิตดีอย่างไร ทำไมจึงจำเป็นต้องทำประกันชีวิต เราไม่เคยรู้ถึงคุณค่าของมัน รู้แต่ว่าถ้าเราไปขาย ได้เงินจากลูกค้า เราก็จะได้เงินเข้ากระเป๋า”
จุดเปลี่ยนในชีวิต
“ดิฉันขายประกันอุบัติเหตุ 1,450 บาท ให้กับลูกค้าคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว มีอาชีพขับรถเทรนเลอร์ วันหนึ่งลูกค้าเกิดอุบัติเหตุ ดิฉันได้มีโอกาสนำเช็คสินไหมมอบให้กับภรรยาของเขา ภรรยาของเขารับเช็คด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาและขอบคุณเรา เพราะการที่บังคับให้สามีซื้อประกันไว้ ทำให้คนที่อยู่ข้างหลังไม่ลำบาก ไม่เช่นนั้นอาจใม่มีเงินมาจัดงานศพ ตรงนั้นเลยเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้ดิฉันเริ่มมองหาว่าธุรกิจประกันชีวิตนี้น่าจะมีอะไรมากกว่าที่เคยรับรู้ หรือมีข้อดีอะไรที่น่าสนใจเพราะ 2 ปีที่ดิฉันเสียไปกับการปิดใจตัวเอง เหมือนมีอะไรที่คอยฉุดรั้งเราอยู่ พอมาถึงจุดเปลี่ยนดิฉันก็เริ่มลุยทำเลย ตั้งใจเต็มที่กับอาชีพนี้ จนในที่สุดก็ได้ขึ้นผู้จัดการ”
เปิดสำนักงานตัวแทนเพื่อความก้าวหน้า
“2 ปีกว่าๆ ดิฉันยังไม่มีหน่วยติดตัวเลย แต่เพราะอยากก้าวหน้าในอาชีพโดยการสนับสนุนของ ผอ.สมภพ บุญกัลยา จึงมาเช่าตึกเปิดเป็นสำนักงาน มีแค่ข้างล่างกับข้างบนนิดเดียว ค่าเช่า 7,500 บาท ไม่มีห้องประชุมด้วยซ้ำ แต่เพราะบริษัทฯ ให้โอกาส และดิฉันอยากเติบโตในอาชีพ จึงเช่าตรงนั้นเปิดเป็นออฟฟิศอยู่ใต้สะพานลอยคนข้าม หลายคนทักว่าฮวงจุ้ยไม่ดีแต่เราก้ไม่สน เพราะคิดว่าเราเปิดสำนักงานเพื่องานขาย แต่ถ้าถามใจตัวเอง ดิฉันเป็นคนไม่ชอบขาย ชอบชวนคนมากกว่า ชอบสร้างทีม ชอบขยาย ชอบให้โอกาสคน เพราะดิฉันมีความรู้สึกว่าเราเคยได้รับโอกาสนั้น เช่าอยู่ 3 ปี ก็มาซื้อที่ตรงนี้ 4.4 ล้านบาท รวมค่าตกแต่งอีก 1.6 ล้าน เปิดเป็นสำนักงานตัวแทนเมื่อเดือน กรกฏาคม ปี 2554”
“ดิฉันอยากจะบอกว่า ธุรกิจประกันชีวิตกว้าหน้าและเติบโตได้เพราะความเชื่อของเราล้วนๆ ความศรัทธาในงาน ในตัวเรา เพราะฉะนั้นเมื่อเราปลูกความเชื่อว่าเราเป็นเจ้าของกิจการ เราจะกล้าพูดมากกว่าเดิม เพราะดิฉันเป็นคนมีเป้าหมายในการทำงานอยู่แล้ว พอเปิด AO งานก็โตเพิ่มขึ้นปีละ 200% จนได้เป็นอันดับ 1 ของภาคตะวันออก ได้กล่าวเปิดประชุมยอดขุนพลหลายครั้งมาก จากแรกๆ เป็นหน่วยที่ไม่มีตัวเลขเลย ก็กลับกลายมาเป็นหน่วย Of the Year ของกลุ่ม พอภาพเปลี่ยนงานก็เข้ามาเรื่อยๆ”
หลักในการทำงาน
“หลักการบริหารหน่วยของดิฉันคือการจัดประชุม ทุกวันจันทร์จะมีประชุมผู้จัดการ ส่วน Weekly ก็จะจัดร่วมกับกลุ่ม Success B ในตอนเย็นวันจัทร์ และเพิ่มไฮเวย์คลับวันอาทิตย์ช่วงบ่ายเดือนละ 2 ครั้ง ดิฉันใช้หลักในการพุดคุย มีปัญหาอะไรก็มาปรึกษากัน มีวิชาการของบริษัทฯ ที่ไหนก็จะเข้าร่วมเพราะดิฉันเชื่อว่าคนเราต้องเรียนรู้ ถ้าไม่เรียนรู้ทำธุรกิจประกันชีวิตไม่ได้”
เป้าหมายที่ตั้งไว้
“ตอนนี้มี 26 หน่วย ตัวแทนประมาณ 300 คน ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิด AO ภายใต้การดูแล 30 AO ทั่วประเทศ ตอนนี้มี 4 แห่ง AO ถนนข้าวหลาม AO เสม็ด จ.ชลบุรี และจังหวัดอุดรธานีอีก 1 AO และกำลังจะเปิดเพิ่มอีกเร็วๆ นี้ มี AVP ภายใต้การดูแล 2 ท่าน สิ่งนี้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของดิฉันที่ต้องการเห็นคนของเราเติบโตในอาชีพ และอยากให้เขาเป็นเจ้าของธุรกิจ”
สิ่งที่ได้รับจากอาชีพประกันชีวิต
“สิ่งที่ได้คือความภูมิใจเกิน 1,000% เพราะเรารู้ว่าเรามาจากโคลน แต่ปัจจุบันนี้ได้เป็นถึงผู้ช่วยผู้อำนวยการ มีทรัพ์สินมากมาย เช่น ตึกที่เปิดสำนักงาน รถ MU 7 รถ Accord ส่งลูกไปเรียนอินเดีย ค่าใช้จ่ายปีละประมาณ 6 แสน เรียกว่าเป็นความภาคภูมิใจสูงสุด เพราะตัวดิฉันเองไม่ได้เรียนหนังสือ ได้ท่องเที่ยวทั่วโลกจากคุณวุฒิต่างๆ ของบริษัทฯ ได้ Top Recruit 50 อันดับของเอเซีย มีบุคลิก ความคิด มุมมองเปลี่ยนไปหมด ทำให้คนมีเงินเดือน 6-7 หมื่น ยอมลาออกจากงานประจำเพราะภาพแห่งความมสำเร็จของเรา ทำให้เขาเชื่อว่าเขาจะทำได้เหมือนกัน”
ฝากคำขอบคุณ
“ระยะเวลาเกือบ 9 ปี มีหลายท่านที่อยากขอบคุณ คนแรดคือ ผอ.สมภพ บุญกัลยา ท่านเป็นคนสำคัญที่ให้ชีวิตใหม่ ให้มุมมองไม่ใช่แค่เราคนเดียว แต่ทั้งครอบครัว ดิฉันเป็นคนที่ไม่เก่ง ต้องฟังหลายๆ ครั้งกว่าจะเข้าใจ ท่านก็ไม่เคยเบื่อที่จะสอน ดิฉันยอมที่จะเหนื่อยคนเดียวเพื่อให้คนข้างหลังสุขสบาย ขอบคุณครูสรรค์ชัย ลาภสัมปันน์ชัย ดิฉันเรียนกับท่านทุกหลักสูตร รักและศรัทธาท่านมาก ท่านช่วยเปิดสมองและเปลี่ยนความคิดเรา ขอบคุณคุณอนันต์ เข็มทอง คุณจุฑาทิพย์ พุทธะไชยศักดิ์ GM AVP ทั้งภาคตะวันออก ขอบคุณเพื่อนๆ ชาว Success B คุณธีระเทพ เขียวสอาด ที่ช่วยกันทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ ทำกิจกรรมร่วมกัน ท่าน AVP คุณฐณทรัญณ์ มังคละการณ์ คุณกิตตกพงษ์ บูรณเฉลิมพล ขอบคุณทีมงานทุกคน จะบอกว่าทีมงานน่ารักมาก ไปไหนไปกัน คุยกันรู้เรื่อง ทึ่ขาดไม่ได้เลยคือขอบคุณลูกค้าทุกๆ คนที่ให้โอกาส ให้ความไว้วางใจ”
เบื้องหลังความสำเร็จ
“อาชีพนี้ให้ไม่ใช่แค่ตัวเรา แต่เพราะเรามีความรักที่จะรักคนรอบข้าง รักครอบครัว จุดเริ่มต้นคือลูก ลุกไม่มีไม่ได้ ลุกต้องมีอนาคตที่ดี ดิฉันมีพ่อเป็นต้นแบบของความซื่อสัตย์ และมีแม่เป็นแบบอย่างของความอดทน ท่านเป็นแรงบันดาลใจของดิฉัน เพราะความที่อยากให้แม่สุขสบาย เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็อยากดูแลให้เต็มที่ แม่อยากไปเกาหลี ครั้งแรกของการขึ้นเครื่อง พาแม่ไปเที่ยวยุโรป แม่กอดเราแล้วร้องไห้ นี่คือสิ่งที่เราอยากถ่ายทอด ถึงคนที่มีความรักที่มากกว่ารักตัวเอง อาชีพประกันชีวิตถ้าเรารักตัวเองไม่ประสพความสำเร็จ ต้องรักคนอื่นด้วย รักคนรอบข้าง รักลูกค้า ต้องหวังดีกับเขา อยากให้เขาปลอดภัย รักทีมงานอยากให้เขามมีโอกาสดีๆ อยากให้เขามามีชีวิตดีๆ แบบเรา รักพ่อ รักแม่ รักครอบครัว ถึงจะประสพความสำเร็จ เพราะฉะนั้นมันจะเป็นกำแพงแก้วที่ดีที่สุดที่ทำให้เราไม่กลัวคำปฏิเสธ ถ้าทำเพื่อตัวเองคงไม่ทำอาชีพนี้ คงเลิกไปทำอย่างอื่นตั้งแต่ 2 ปีแรกแล้ว”
ฝากข้อคิดถึงตัวแทนใหม่
“สุดท้ายอยากจะฝากว่า ธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่ให้โอกาสคน สำหรับคนที่ต้องการโอกาสอย่าลังเลสงสัยในความสำเร็จหรือล้มเหลวของคนอื่น ให้เอาตัวของเราเองเป็นตัววัดว่าอยากรวยจริงไหม เราอยากได้โอกาส อยากประสพความสมำเร็จ อยากร่ำรวย อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีหรือไม่ เพราะอนาคตไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น ฉะนั้นวันนี้รวยได้อยากให้รีบรวย อย่าคิดเยอะ คิดเยอะอย่างเดียวไม่ได้ต้องลงมือทำด้วย ถ้าเราลังเลสงสัยยังไม่ได้ลงมือทำ เราก็ไม่มีอะไรต่างจากคนอื่น คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ เพียงแต่เราอยากได้จริงหรือเปล่า ถ้าอยากได้มากจริงทุกอย่างในชีวิตมันจะเข้ามาเอง คติประจำใจคือ ความจนน่ากลัวกว่าความตาย ถ้าต้องแบมือขอใครขอตายดีกว่า”
ที่มา นิตยสาร The Star /Volume7 Issue 7 May 2013
< Prev | Next > |
---|