เยี่ยมสำนักงานของตัวแทน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและเจ้าของสำนักงานตัวแทน จ.เชียงใหม่
คุณนิมิตร ศรีปัญญา
สำนักงานตัวแทนเชียงใหม่แลนด์ จ.เชียงใหม่ ของคุณนิมิตร ศรีปัญญา เป็นตึกแถว 3 ชั้นครึ่ง 2 คูหา ชั้นลอยเป็นห้องครัวและแคนทีน ชั้น 2 เป็นห้องประชุม 2 ห้อง ห้องใหญ่ 1 ห้อง ห้องเล็ก 1 ห้อง ชั้น 3 เป็นห้องประชุมใหญ่ สะดวกสบายพร้อมสรรพสำหรับการจัดกิจกรรมภายในสำนักงาน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับตัวแทนอยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.
“ผมเป็นคนเชียงใหม่ 100% ฐานะทางบ้านอยู่ในระดับดีพอสมควร สมัยเป็นเด็กผมเรียนที่โรงเรียนวัดป่าลาน จ. เชียงใหม่ ได้ที่ 1 ประจำจึงสอบได้ทุนเรียนฟรีที่โรงเรียนโกวิทธำรง ผมเรียนตั้งแต่ ป.5 จนถึง ม.ศ. 3 มาต่อม.ศ. 4-5 ที่โรงเรียนจักรคำคณาทร จ.ลำพูนและมาต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว ไม่เคยทำงานเลยจึงอยากลองทำงานบ้างเพราะรามฯ ใช้แค่การไปสอบโดยไม่ต้องไปเรียนก็ได้ ดังนั้นพอเข้าไปปีแรก ผมจึงเริ่มต้นทำงานด้วยการไปขายดอกไม้ที่ ปากคลองตลาด ด้วยเงินทุน 500 บาท จากนั้นก็พัฒนาไปเป็นพนักงานส่งเอกสาร แจกชีท ขายเสื้อผ้า ผมสนุกกับการทำงานมากเลยทำให้เก็บหน่วยกิตได้น้อย เพราะผมเลือกเรียนคณะนิติศาสตร์ซึ่งต้องใช้การท่องจำหลักกฎหมาย ทั้งๆ ที่ผมไม่ถนัดวิชาสุดท้ายผมลงไป 8 ครั้ง จนได้จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยที่ผมไม่ได้ใช้เงินที่บ้านเลย ปัจจุบันผมแต่งงานกับคุณสายทอง ศรีปัญญา ซึ่งพบกันเมื่อตอนเรียนรามฯ มีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้ชายอายุ 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนปรินส์รอยส์ฯ และลูกสาวเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เริ่มต้นอาชีพกับการเป็นพนักงานธนาคาร
“ตอนที่ผมเรียนรามฯ คุณแม่ต้องอยู่คนเดียวที่ จ. เชียงใหม่ จึงอยากให้ผมกลับมาอยู่เป็นเพื่อนที่บ้านพอดีทางธนาคารกรุงศรีฯ มาเปิดสาขาใหม่ที่ ถ.ช้างคลาน เชียงใหม่ ประกาศรับสมัครเจ้าหน้าที่ผมจึงลองสอบดูเป็นจังหวะเดียวกันกับสอบวิชาสุดท้ายที่รามฯ ถือว่าเรียนจบก็ได้งานทันที คงเป็นเพราะเราเรียนมาทางด้านนิติศาสตร์ มีประสบการณ์ทำงานด้านการขาย 7-8 ปี ผมจึงได้กลับมาอยู่เชียงใหม่โดยเริ่มต้นในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ 1 สินเชื่อ ได้เลื่อนตำแหน่งทุกปี เพียง 7 ปี ผมก็ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขา”
เข้าสู่วงการประกันชีวิตได้อย่างไร
“ผมขายประกันตั้งแต่เรียนรามฯ ปี 4 ต้องขอบคุณคุณเดชา ซึ่งอยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกันกับผม เขาเห็นว่าผมทำงานขายของหลายอย่าง ก็ชักชวนให้ไปฟังที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ผมก็ไป หลังจากนั้นจึงมาเริ่มขายเคสแรกคือแม่ค้าขายกับข้าวหน้าอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งผมซื้อกินทุกวันชื่อพี่นา มีวันหนึ่งผมไปช่วยเขาขายของตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลย พี่เขาก็สงสัยว่าทำไมผมมาช่วยตอนแรกคิดว่าผมจะมายืมเงิน ผมจึงบอกว่าผมมาขายประกัน พี่นาก็บอกงั้นเอาแบบมาดูและก็ตกลงซื้อเลยเก็บเบี้ยประกันภัย 4,600 บาท ตอนนั้นบริษัทให้คอมมิชชั่น 50% ผมได้มา 2,300 บาท อยู่ได้ 2 เดือนเลยครับ ผมเห็นว่ารายได้ดีจึงเริ่มขายโดยการ knock door ตามหมู่บ้าน เพราะผมไม่รู้จักใครในกรุงเทพฯ เลย วิธีนี้ถือว่าประสพความสำเร็จมาก 4 ปี ผมได้มา 200-300 เคส ในความคิดของผม การขายของขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะซื้อหรือไม่ ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ตอนนั้นผมขายทุกอย่าง สาหร่ายเกลียวทองสีเขียวห่อใหญ่ๆ ผมเป็นคนแรกเลยที่เอามาขายปลีก ถ้าขายไม่ได้ ผมก็เอามาซอยเป็นห่อเล็กๆ ขายควบคู่กับประกันชีวิต ตอนนั้นตัวแทนแบบผมมีอยู่ 10 กว่าคน ผมใช้วิธีชวนคนที่ชอบขายเหมือนผมนี่แหละให้มาลองขายประกันดู ผมทำได้ 4 ปี ก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย และพอดีกับเรียนจบ และต้องเข้าทำงานธนาคารที่จ.เชียงใหม่ เลยออกจากการขายประกันชีวิต”
เริ่มต้นใหม่กับอยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.
“จำได้ว่าปี 2537 ตอนนั้นยังเป็นบริษัท อยุธยา จาร์ดีนประกันชีวิต ผู้มาชักชวนคือ คุณสุพัตรา เกตุสุจา ผู้จัดการหน่วยนครพงค์ 1 เชียงใหม่ ผมเห็นพี่เขามาเบิกเงินบ่อยก็สงสัยว่าทำอาชีพอะไร พี่เขาก็บอกว่าขายประกัน ด้วยความที่เราเองก็เคยขายประกันมาก่อนจึงมองเห็นโอกาสหาเงินพิเศษ ซึ่งตอนนั้นทางธนาคารไม่อนุญาตให้ขายประกันเลย (ไม่มีการขายประกัน) ผมจึงใช้วิธีแอบขายหลังเลิกงานเมื่อปี 37 พอปี 38 ทางสำนักงานใหญ่เรียกไปตรวจสอบว่าเราไปบังคับขายประกันให้ลูกค้าหรือเปล่า ผมก็ชี้แจงและเอาหลักฐานให้เขาดูว่า ผมมีภาระเยอะ ทั้งครอบครัวและคุณแม่ที่ต้องดูแล ตอนนั้นได้เงินเดือน 4,600 บาทผ่อนรถเดือนละ 4,000 บาทแล้วผมจะไปเหลืออะไร อีกทั้งธนาคารไม่มีนโยบายให้เงินล่วงเวลา ผมจึงต้องหาเงินพิเศษเพิ่มหลังเลิกงานโดยการหิ้วกระเป๋าปขายประกันต่อ เพราะถือว่าไม่ได้ผิดสัญญาการทำงานหรือแย่งลูกค้าของธนาคาร ผมถูกสั่งห้ามแต่ก็ยังแอบขายอยู่ จนโดนเรียกไปเป็นครั้งที่ 2 ผมเตี๊ยมกับลูกค้าเรียบร้อย พอธนาคารโทรไปถามลูกค้า ลูกค้าก็บอกเต็มใจซื้อ ไม่ได้บังคับ ผมก็เลยรอดไปอีกครั้งหนึ่ง พอถูกเรียกเป็นครั้งที่ 3 เกิดปัญหาขึ้นเพราะผู้จัดการทุจริต ตอนนั้นผมเป็นนักวิจัยสินเชื่อ ไม่ได้มีส่วนผิดอะไร ทางธนาคารก็จะให้ผมขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ แต่ตอนนั้นผมขายประกันเต็มตัวแล้ว แถมรายได้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงถือโอกาสลาออกก่อนเพื่อเอาเงินชดเชยมาใช้หนี้ที่ซื้อบ้านและรถไว้ตอนเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารเพราะดอกเบี้ยถูก ผมได้เงินค่าชดเชยล่วงหน้ามา 10 เดือน 2 แสนกว่าบาท แต่ก็ยังไม่พอใช้หนี้”
ประสพความสำเร็จกับอาชีพประกันชีวิต
“เริ่มจากการที่ได้ไปเจอกับคุณกฤษณะ กฤตมโนรถ ที่มาประชุมที่โรงแรมซิตี้อินน์ จ.เชียงใหม่ ท่านเรียกผมเข้าไปคุยและบอกว่า ถ้าลาออกจากธนาคารตอนนี้ได้เป็นผู้จัดการหน่วยเลยจะเอาไหม ผมก็ตอบรับเลยครับ แต่ต้องเออรี่ ไม่งั้นจะไม่ได้เงินสักบาท จึงให้ภรรยาลาออกก่อน และผมจึงออกตามมา หลังจากมาทำประกันชีวิตเต็มตัวเมื่อปี 41-42 ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ก็มาจากธนาคารนั่นแหละ รวมถึงพนักงานแบงค์ก็มาเป็นตัวแทนด้วย ผมเริ่มต้นจากผู้จัดการหน่วยและเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการเขต ผู้จัดการภาค ผมขายเองหมดไปทั่วทั้งเชียงใหม่ ลำพูน พิษณุโลก แพร่ อาศัยลูกค้าบอกต่อๆ กันไปผลงานในปีแรก ผมได้โบนัสล้านสองกว่า เรียกได้ว่าเป็นคนแรกของภาคเหนือที่ทำตัวเลขได้สูง และก็ขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 46 นี้เรียกได้ว่าบูมสุด ผมขายเบี้ยประกันได้ 28 บ้าน”
ตัดสินใจเปิดสำนักงานตัวแทนเป็นของตนเอง
“ตอนแรกที่ผมเข้ามานั้นยังไม่มี AO ต้องใช้เซอร์วิสเซ็นเตอร์ พอปี 44 ทางบริษัทฯ มีประชุมและถามว่าใครอยากเปิด AO บ้างผมยกมือก่อนเลยครับทั้งที่ไม่ทราบว่าจะได้อะไรบ้างจากการเปิดและก็ได้เปิดที่จ.ลำพูน เพราะบ้านเดิมอยู่ใกล้ทางนั้นและค่าใช้จ่ายก็น้อยกว่าที่จะมาเปิดที่ จ. เชียงใหม่ ผมคิดว่าการเปิด AO มันคือการที่เรามีอิสระในการบริหารงาน จะทำกิจกรรมอะไร หรือเอกสารต่างๆ เราทำเองส่งเองไม่ต้องไปผ่านที่เซ็นเตอร์ คือผมทำงานแบงค์มาก่อน ถ้าเราจัดระบบเองสภาพคล่องมันสูงทั้งคน ทั้งงาน ทั้งเอกสาร ผมได้ใบอนุญาตเปิด AO เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2545 แต่จริงๆ เปิดตั้งแต่ปี 44 แล้วที่ลำพูน เปิดได้ปีเดียวก็ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่”
เหตุผลที่เลือกที่นี่
“เพราะคำว่าเชียงใหม่แลนด์ เป็นหมู่บ้านแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ไม่มีใครไม่รู้จัก ด้านหน้าเป็นตึกแถว ด้านหลังเป็นหมู่บ้าน มีถนนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จอดรถได้ทั้ง 2 ฝั่ง ตอนเย็นจะมีโรงเรียน 4 โรงเรียนผ่านทางนี้หมดเลย ตอนแรกผมซื้อตึกนี้ห้องเดียวโดยเลือกทิศเหนือเป็นหน้าบ้าน ในราคา 3 ล้าน พอเดือนมิถุนายนปี 52 ก็ซื้อเพิ่มอีก 1 ห้อง 3.4 ล้าน แล้วก็มาเจาะทะลุรวมกัน ใช้เวลากว่า 6 เดือน รวมค่าตกแต่งอีก 2 ล้านกว่า ตอนนั้นสำนักงานก็ออกไปเช่าห้องข้างๆ อยู่ชั่วคราว จนแล้วเสร็จมาเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2553”
ผลที่ได้รับจากการเปิด AO
“การเปิด AO คือการที่เรามีแบรนด์เป็นของตัวเอง เป็นหน้าเป็นตา และเป็นความภาคภูมิใจของตัวเราเอง ผลที่ได้รับคือ 1.ยอดขายสูงขึ้น 2. มีคนเดินเข้ามาสมัครเป็นตัวแทนมากขึ้น 3. ลูกค้า walk in เข้ามาเยอะ 4. ตัวแทนรีครูตชวนคนง่าย สามารถพูดได้เลยว่า สำนักงานเราอยู่ตรงนี้บางรายที่ปิดใจ แต่พอเห็นสำนักงานของเราก็เปลี่ยนมาเป็นตัวแทนเลยที่ได้มากกว่านั้นก็คือ ผมได้ใจลูกค้า วันเปิดสำนักงาน ผมเชิญหลายคนทั้งคุณแม่ ป้าตุ๊แม่ทีม ป้าตุ๋ยแม่ผู้ดูแลผม และลูกค้ารายใหญ่ที่สนับสนุนผมมาตลอด ที่ผมถือเป็นแม่อีกคนหนึ่งของผม คือคุณวิมุติ จินดาศิลป์ ซึ่งเป็นการเรียนเชิญผู้มีพระคุณทั้งสิ้น ทำให้เขาเห็นความก้าวหน้า และเชื่อมั่นในตัวเรามากขึ้น”
ปัญหาและอุปสรรคในธุรกิจประกันชีวิต
“จริงๆ ทุกอาชีพมีปัญหาหมด อย่างแรกเลยอยู่ที่เราคิดแล้วไม่ทำ หรือบางทีทำแต่ไม่ได้คิด มันก็เลยยาก อย่างที่สองคือ ต้องศึกษา ไม่ใช่ศึกษาให้ทะลุปรุโปร่งนะ แต่ต้องศึกษาให้เข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1 แต่ขอให้เข้าใจในงานที่ทำ อย่างที่สาม ต้องเป็นคนคุยรู้เรื่อง ประกันนี้ขายไม่ได้เลย ถ้าเราคุยไม่รู้เรื่อง ลูกค้าฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไรมีอุปสรรคหมดครับ แต่คุณอย่าคิดว่าตรงนั้นเป็นอุปสรรค ให้มองเป็นบทเรียนที่ดีที่สุด สิ่งที่ยากสำหรับประกันชีวิตคือ ยังไม่ได้ขาย ยังไม่ได้เรียนรู้ แต่พูดก่อนว่าทำไม่ได้ คนเรานั่งคิดเฉยๆ มันจะรวยได้อย่างไรเป็นคนขายประกันต้องกล้าคุย กล้าออกตลาด มีจิตใจที่จะคุยกับลูกค้ามีจิตใจที่จะมอบสิ่งดีๆ ให้กับเขา ดังนั้น คนที่มาเรียนรู้จะขายได้ คนที่ไม่เรียนรู้ก็ขายไม่ได้ คนที่ไม่ทำก็ขายไม่ได้ การมาเป็นตัวแทนติดอยู่คำเดียว ต้องไปง้อเขา ผมบอกได้เลยว่าตั้งแต่ผมขายมา ผมไม่เคยง้อใครเลย ซื้อไม่ซื้อเป็นเรื่องของลูกค้า ผมเป็นแค่คนที่ให้ความรู้ ให้ผลประโยชน์ ถ้าเขารับผลประโยชน์ได้ก็ซื้อ รับไม่ได้เราก็ไปหาคนใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าที่เชียงใหม่มีแค่นาย ก. คนเดียวที่ไหน เพียงแต่เราไม่กล้าที่จะออกไปหาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นปัญหาทุกอย่างอยู่ที่ความคิด อยู่ที่เราทำนั่นเอง”
จุดมุ่งหมายในการทำงาน
“จากเดิมที่ผมคิดว่าผมจะขายเอง แต่พอเวลาผ่านไป กำลังกายเราหมด วงจรชีวิตของเราคือ พอเราอายุมากขึ้น จากเดิมอายุ 30 ไม่ถึง 40 ขับรถตะลอนๆ เป็น 100-200 โล ไปหาลูกค้าวันหนึ่งได้ 3-4 ราย แต่ทุกวันนี้ไหนจะ 1.รถติด 2.เหนื่อย 3.ความคุ้มทุน เราต้องจัดโปรแกรม ให้ไปและคุ้มทุนคุ้มแรงเราด้วย ดังนั้น ตั้งแต่ปี 52 เป็นต้นมา ผมก็คิดว่าเราต้องเปลี่ยนแนวในการทำงาน ต้องหาเวลาคนอื่นมาช่วยเรา วิธีทำงานที่ดีที่สุดกับธุรกิจประกันชีวิต คือต้องค้นหาบุคคลที่ต้องการรายได้ ต้องการความมั่นคงในชีวิต ต้องการความอิสระ และต้องการตัวเรา”
หลักในการคิดและบริหาร
“ผมได้มีโอกาสพบคุณกฤษดา กิติทัศน์เศรณี ท่านแนะนำให้ผมใช้หลักการหาทีม หาคนมาช่วย ทุกวันนี้เรามี 24 ชั่วโมง ทำงานจริงไม่เกิน 5 ชั่วโมง ทำงาน 2 คนสามีภรรยาก็ 10 ชั่วโมง บางครั้งไปด้วยกันอีกก็จะเหลือ 5 ชั่วโมง ผมเริ่มต้นชวนคนเมื่อเดือนมิถุนายน 2552”
“ผมเริ่มจ้างเด็กมารับโทรศัพท์ หาทีมงานหาคนมารีครูต 4 คน/เดือน ผมเริ่มรีครูตเป็นก็คราวนั้น ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ต้องอดทน เพราะเวลาเรามีแค่ 5 ชั่วโมง เราจะทำอย่างไรให้มี 50 ชั่วโมงต่อวัน ก็ต้องมีคนทำงาน 10 คน ถ้าเรามีเป็น 100 ก็จะได้ถึง 500 ชั่วโมง ตอนนี้ผมมีอยู่ 135 คน 16 หน่วย เดือนหน้าจะขึ้นอีก 2 หน่วย คิดว่าปีนี้น่าจะได้ถึง 30 หน่วย ตัวแทนต้องไม่ต่ำกว่า 500 คน เพราะนิวโค้ดบ่งบอกถึงผู้จัดการแน่นอน เบี้ยประกันตั้งไว้ 39 ล้าน เราวัดจากจำนวนตัวแทนได้คือการเป็นผู้บริหาร 1.ต้องคำนวณเป็น 2.หาค่าเฉลี่ยเป็น 3.ต้องดูว่าตัวแทนแต่ละคนมีศักยภาพในการทำงานขนาดไหน และมาคิดว่าปีนี้จะได้เท่าไร ปกติคนเราเติบโตสูงสุดไม่เกิน 30% ต่อปี ปีที่แล้วเรามี PC 10 ล้าน ถ้าจะทำให้ได้ 39 ล้าน ต้องมีหน่วยเกิน 30 หน่วย ตั้งไว้เลย ถ้าสิ้นปีออมา +10+30% แลว่าประสพความสำเร็จ”
กิจกรรมในสำนักงาน
“ในสำนักงานตอนนี้มีผู้ชาย 2 คน ไม่ใช่ว่าผู้ชายไม่ขยันนะ แต่ผมมองว่าผู้หญิงพูดเก่งกว่า เบี้ยเราก็ได้มากว่า 10 ล้านทุกปี มีลูกทีมออกไปเปิด AO อีก 3 AO กิจกรรมของเรามีประจำทุกวันที่สำนักงาน เช่นวันจันทร์ Amazing วันอังคาร สอนผลประโยชน์ วันพุธ สอนแบบประกัน วันพฤหัส วงจรการขาย วันศุกร์ Together ตอนเย็น”
คุณวุฒิที่ได้รับ
“ผมติดคุณวุฒได้ไปท่องเที่ยวประเทศตุรกีเป็นประเทศแรก และก็ติดมาเรื่อยๆ ทุกคุณวุฒิของบริษัทฯ อเมริกาก็ติดแล้ว และคุณวุฒิใหม่ประเทศเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ ที่จะหมดเขตมิถุนายนนี้ ผมก็คิดว่าติดแน่นอน เพราะการแข่งขันครั้งนี้ทำยอดขายเพียง 450,000 ใน 6 เดือน แต่ก่อนต้อง 2,000,000 บาท ผู้บริหาร 5,000,000 - 6,000,000 บาท ถ้าใครไม่ติดครั้งนี้ถือว่าไม่มีฝีมือเลยนะครับ เพราะน้อยมาก บริษัทฯ อยากให้ตัวแทนไปกันเยอะๆ นี่ผมก็เพิ่งกลับมาจากเกาหลีผมจัดเองครับ เป็นการพาลูกค้าไปเที่ยว และได้จัดท่องเที่ยวสำหรับตัวแทนผู้บริหารในกลุ่มทุกปี”
เป้าหมายในอนาคต
“เราต้องเข้าใจในธุรกิจประกันชีวิตว่ามีคนเข้าๆ ออกๆ ตอนนี้ผู้บริหารตัวแทนของเรามี Part-time เยอะมี Full-time แค่ 5 หน่วย คนไม่มีเวลาจะได้งานมากกว่าคนมีเวลา เพราะคนไม่มีเวลาจะคิดแต่บริหารเวลาที่เหลือให้ได้มากที่สุด และที่น่าจะทำที่สุดคือ ผมจะขยาย AO ให้เยอะที่สุดเพราะตั้งเป้าหมาย ปี 2555 จะต้องมี AO ไม่น้อยกว่า 10 AO ซึ่งทุกครั้งที่ทำการชวนตัวแทนเข้ามาร่วมอาชีพ ผมจะให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 250000 – 300000 PC ต่อเดือน ถึงจะคุ้มทุน ผมจะคำนวณให้หมดและให้ทราบว่าคืนทุนใน 3 ปีได้อย่างไร นี้คือเป้าหมาย เพราะเมื่อมี AO ก็มีผู้บริหาร ก็มีตัวแทนก็มีเบี้ยประกัน แล้วก็มีรายได้”
ข้อคิดสำหรับตัวแทนใหม่
“ไม่ใช่แค่ขยัน แต่ต้องอดทน เพราะทุกอาชีพต้องเริ่มต้นจากศูนย์เมื่อคุณก้าวเข้ามาอาชีพนี้แล้วจะต้องมีความซื่อสัตย์ เชื่อมั่นในตัวเองและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลา เวลาไม่เคยรอใคร ถ้าคิดจะทำก็ทำเถอะ ส่วนผลออกมาถ้าเป็นลบถือเป็นบทเรียน ถ้าเป็นบวกก็เป็นกำไร ไม่มีเวลาไหนที่ซื้อได้แม่แต่วินาทีเดียว”
ฝากคำขอบคุณ
“อยากขอบคุณครอบครัวที่ให้กำลังใจมาตลอด และทีมงานทั้ง 16 หน่วยที่ช่วยกันบริหารงาน ตั้งแต่ทำมายังไม่เคยทะเลาะกันเลยที่สำคัญอยากขอบคุณลูกค้าทุกคน เพราะถ้าไม่มีลูกค้าก็คงไม่มีเราในวันนี้ ทุกสถานการณ์ลูกค้าเป็นคนสอนบทเรียนให้แก่เรา”
หวังว่าหลักการทำงานของคุณนิติกร ศรีปัญญา ที่ถ่ายทอดให้ฟังในครั้งนี้ คงทำให้หลายๆ คนหันมามองดูตัวเอง ที่จะบริหารอาชีพให้ประสบความสำเร็จได้ในอนาคตนะคะ
ที่มา : Ayudhay Allianz C.P. STAR ฉบับที่ 6 ประจำวันที่ 5 มกราคม 2555
< Prev | Next > |
---|