คุณงามตา นวลงาม
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและเจ้าของสำนักงานตัวแทน จ.จันทบุรี
วันนี้เรากลับมาที่ จ.จันทบุรีกันอีกครั้ง เพื่อมาเยี่ยมเยียนสำนักงานตัวแทนของคุณงามตา นวลงาม ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น สภาพใหม่ บนเนื้อที่ 21 ตรว. ราคา 4.3 ลบ. รวมตกแต่งอีก 3 แสนเศษ สำนักงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ใกล้แหล่งธุรกิจและห้างสรรพสินค้า มีที่จอดรถสะดวกสบาย อีกทั้งสวยงามตามรูปแบบของบริษัท
“ดิฉันเป็นคนจันทบุรี เกิดในครอบครัวที่มีฐานะทางบ้านยากจน บิดามารดาประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ ต้องหาเงินเล่าเรียนเองตั้งแต่วัยเยาว์ จำได้ว่าเมื่อตอนอายุประมาณสิบอว่าขวบต้องไปรับจ้างขัดฮวงซุ้ย ค่าแรงวันละไม่ถึงร้อยบาท เพื่อนำเงินไปศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้น ปวช. ที่ วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี จากนั้นได้เข้าทำงานกับบริษัทเอกชนหลายแห่ง และได้เรียนนอกเวลาควบคู่กันไปด้วยที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี จ.จันทบุรี จนสามารถจบปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต จบมาก็เข้ารับราชการที่ สนง.เทศบาลเมืองจันทบุรี ปัจจุบันสมรสแล้วกับคุณอนันต์ นวลงาม และร่วมกันประกอบธุรกิจประกันชีวิตมาตั้งแต่เริ่มต้น จนมีบุตรสาวฝาแฝด 2 คนอายุ 17 ปี”
รู้จักประกันชีวิตได้อย่างไร
“ดิฉันเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตโดยการชักชวนของคุณศิริพร สวิงคูณ (ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูง ที่ประกันชีวิตแห่งหนึ่ง) ขณะนั้นบยริษัทยังใช้ชื่อ ประกันชีวิตศรีอยุธยา ในช่วงเริ่มแรก ดิฉันมีแนวคิดที่จะทำเป็นอาชีพเสริม เป็นรายได้พิเศษจากงานประจำ ซึ่งขณะนั้นยังคงรับราชการอยู่ในตำแหน่งราชการระดับ 6 อีกทั้งสามีที่ทำงานอยู่ฝ่ายสินเชื่อ ธนาคารกสิกรไทย ยังไม่ให้การสนับสนุน เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบด้านหน้าที่การงาน แต่พอได้เข้าร่วมวิชาการบ่อยๆ แนวคิดในการทำธุรกิจก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากการขายประกันเพียงอย่างเดียว ก็เริ่มพัฒนาด้านการขยายงาน เริ่มสร้างทีมงานเพิ่มมากขึ้น และหลังจากที่คุณศิริพรได้ย้ายไปอยู่บริษัทใหม่แล้ว ดิฉันก้ได้โอนย้ายสังกัดไปอยู่กับคุณจำเรียง แก้วตระการวงศ์ ตามระบบของบริษัทฯ ซึ่งในขณะนั้นมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ หลายต่อหลายครั้ง เป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งในท้องถิ่นนำมาโจมตี แต่เราก็สามารถผ่านวิกฤตเหล่นั้นมาได้ทุกครั้ง ในทางกลับกันทีมงานของเรากลับได้รับประสบการณืที่มีคุณค่าและได้นำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานในปัจจุบันจนประสพความสำเร็จ สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับ TOP ของบริษัทฯได้อย่างต่อเนื่อง”
ความก้าวหน้าในอาชีพประกันชีวิต
“ดิฉันรับราชการและทำธุรกิจประกันชีวิตควบคู่กันเป็นเวลา 13 ปี จากเดิมที่คิดจะทำเป็น Part Time ในปี 2541 ก็พัฒนาขึ้นมาจนได้รับการแต่ตั้งเป็นผู้จัดการหน่วยในปี 2543 และเลื่อนเป็นผู้จัดการเขตในปี 2545 เป็นผู้จัดการภาคอาวุโส ในปี 2554 และเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายในเดือนตุลาคม 2554 คุณวุฒิที่ได้รับ คือ ตำแหน่ง OF THE YEAR ติดต่อกันหลายสมัย คุณวุฒิท่องทึ่ยวต่างประเทศเกือบทุกคุณวุฒิ แต่ด้วยความที่ตัวดิฉันและสามียังทำงานประจำอยู่ จึงไม่สามารถทุ่มเทให้กับธุรกิจนี้อย่างเต็มเวลาและเต็มความสามารถ แต่ก็ยังสามารถสร้างผลผลิตให้กับบริษัทฯ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลพวงที่ได้จากการทำงานหนักก็คือรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ ทำให้ครอบครัวเรามีฐานะที่มั่นคงมีทรัพย์สินที่ได้จากการทำธุรกิจนี้มากมายเกินกว่าจะกล่าวในที่นี้ได้ ดิฉันจึงตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อประกอบธุรกิจประกันชีวิตเพียงอย่างเดียวเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554”
ตัดสินใจเปิดสำนักงานตัวแทน
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความคิดที่จะเปิด AO มาก่อนเลย เนื่องจากเราต้องทำงานประจำกันทั้งคู่ และเป็นงานที่ถือว่ามั่นคงก็ว่าได้ ทำให้ไม่มีเวลาบริหารงาน จึงได้มองข้ามไปเพราะถือว่าเป็นภาระ ไหนจะต้องลงทุนด้านทรัพย์สินถาวร ด้านบุคลากรและระบบต่างๆ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจหันมาทำธุรกิจนี้เต็มเวลาก็คือ คุณอนันต์จะต้องย้ายไปดำรงตำปหน่งที่ต่างฝจังหวัด(หลังจากที่ประวิงเวลามาแล้วหลายครั้ง) จึงได้ตัดสินใจลาออกจากธนาคารกสิกรไทย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และตัดสินใจเปิด AO ในเดือนเดียวกัน สิ่งที่เป็นประเด็นหลักในงการนำมาตัดสินใจมีอยู่เพียง 3 อย่าง คือ หนึ่ง ครอบครัว เราต้องรักษาครอบครัวเอาไว้แม้จะต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป สอง รายได้ เราต้องสูญเสียรายได้จากงานประจำของเราทั้งสองคน ประมาณ 90,000 บาท ต่อเดือน แต่เราก็จะสามารถสร้างรายได้ที่มากกว่าในธุรกิจนี้ และ สาม ความเป็นตัวของตัวเอง เพราะตราบใดที่เรายังเป็นลุกจ้าง เราไม่มีทางที่จะกำหนดชะตาชีวิตของเราเองได้เลยว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เรากหำหนดเองไม่ได้ว่าจะต้องย้าย หรือจะถูก LAY OFF เมื่อใด”
กว่าจะมาแป็น AO
“หลังจากทำธุรกิจประกันชีวิตเต็มเวาแล้ว แนวความคิดก็ได้เริ่มพัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เราจึงศึกษาโครงสรร้างต่างๆ ของบริษัทฯ ทั้งเรื่องของระเบียบ หลักเกณฑ์ และปัญหาที่เตยเกิดขึ้นกับ AO ต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เพื่อนำมาประกอบการวางแผนการทำงาน และเพิ่มรายได้สูงสุดให้กับธุรกิจของเรา ในเบื้องต้นก็ได้ปรึกษาหารือกับคุณปัณณ์วัฒน์ (คุณปรีชา) ทูปาลัก ซึ่งเป็นผู้ดูแล AO ในพื้นที่ และก็ต้องขอขอบพระคุณคุณปัณณืวัฒน์ มา ณ ที่นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาด้านเทคนิค หรือระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จนทำให้เราสามารถเปิด AO ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน 1 เดือน”
การเลือกสถานที่ในการเปิดสำนักงาน
“ดิฉันมอบหมายให้คุณอนันต์เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ซึ่งผลที่ออกมาก็ตรงตามวัตถุประสงค์ทุกประการ คือ
♦ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจและชุมชน – AO ของเราตั้งอยู่หน้า ROBIMSON จันทบุรี มีธนาคารทุกธนาคารอยู่ในห้าง
♦ การคมนาคมสะดวก – มีถนน 4 เลน ไม่มีเกาะกลางถนน สามารถกลับรถหน้าสำนักงานได้เลย
♦ ที่จอดรถสะดวกปลอดภัย – มีที่จอดรถได้ 2 ฟากถนน ละสามารถนำรถไปจอดห้างโรบินสันโดยไม่เสียเงินอีกด้วย
♦ มีแนวโน้มความเจริญสูง – บริเวณโดยรบของเราเป็นศูนย์รวมธุรกิจต่างๆ และมีโครงการด้านธุรกิจเพิ่มขึ้นมากมายอย่างต่อเนื่อง
AO ของเราถือได้ว่าโชคดีที่เจ้าของตึกเป็นลูกค้าเก่าของคุณอนันต์ จนสามารถต่อรองราคาจาก 5 ลบ. เหลือเพียง 4.3 ลบ. เราจึงซื้อด้วยเงินสด แต่สิ่งที่นับว่าเป็นโชคสองชั้นก็คือ เจ้าของตึกยังช่วยสนับสนุนคุณอนันต์ ซื้อประกันให้หลานแบบ มายแพลน 15/10 เบี้ยประกัน 300,000 บาทต่อปี”
การบริหารสำนักงานและกิจกรรมของบริษัทฯ
“ทีมงานของเรามีทั้งหมด 9 หน่วย คือ AO ของเรามี 3 หน่วย และมี AO เขาไร่ยา จันทบุรี ของคุณวิจิตร โสจิศิริกุล ซึ่งเปิดก่อนเราอีก 6 หน่วย สำหรับรายได้ของ AO เรา เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเดือนละ 500,000 กว่าๆ สำหรับการบริหารทีมงานนั้น เรามีแม่แบบที่ดี คือ ท่าน ผอ.บริหารฝ่ายขาย คุณจำเรียง แก้วตระการวงศ์ กล่าวคือเราจะบริหารทีมงานของเรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับของท่าน เสมือนหนึ่งเป็นทีมงานดียวกัน ในปี 2554 ที่ผ่านมา เราจึงจัดกิจกรรมร่วมกับของคุณจำเรียง ภายใต้แนวคิดที่ว่า “คนมากจะทำให้การจัดกิจกรรมมีบรรยากาศที่ดี” ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ผลที่ดี และทีมงานก็สามารถยอมรับได้ ดังนั้นในปี 2555 เราจึงยังคงแนวสคิดเดิม คือจัดกิจกรรมรวมกันกับของท่าน แต่อาจจะมีกิจกรรมย่อยๆ เป็นครั้งคราว ตามความเหมาะสม แต่หลักๆ แล้วคือการจัดกิจกรรมร่วมกัน”
สิ่งที่ได้จากการเปิด AO
“การเปิด AO คือการลงทุนในธุรกิจประกันชีวิต ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้ ก็จะมีอยู่สองอย่างเสมอ คือ หนึ่ง ผลตอบแทนที่สามารถวัดค่าได้ เช่น รายได้ที่เป็นตัวเงิน และ สอง ผลตอบแทนที่ไม่สามารถวัดค่าได้ เช่น ภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือของตัวเราเองและของทีมงาน หากผลตอบแทนทั้งสองอย่างเป็นบวก ก็ถือว่าผลประกอบการได้กำไร แต่หากผลตอบแทนอย่างใดอย่างหนึ่งติดลบ เราถือว่าขาดทุน เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีรายได้เป็นตัวเงินเพิ่มขึ้น แต่ภาพลักษณ์ หรือความน่าเชื่อถือของเราลดลง เราก็จะถือว่าขาดทุน ธุรกิจประกันชีวิตเป็นการขายภาพลักษณ์ และความน่าเชิ่อถือ ดังนั้นไม่ว่าเราจะได้กำไรเป็นตัวเงินมากเท่าใด แต่ภาพลักษณ์ของเราติดลบ นั่นหมายถึงความสามารถในการทำกำไรทีเป็นตัวเงินระยะยาว กผ็จะมีผลกระทบไปในทางลบด้วย ที่ผ่านมาเราสามารถทำกำไรได้ทั้งสองอย่าง วัดได้จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นก่อนเปิด AO ประมาณ 40% และไม่มีลูกค้าร้องเรียน ไม่มีตจัวแทนถูกตักเตือนหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ปัญหาต่างๆ จึงไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะเป็นในส่วนของการปฏิบัติงานประจำวัน ซึ่งก็เป็นปัญหาพื้นฐานขององค์กรธุรกิจโดยทั่วไปอยู่แล้ว”
เป้าหมายในอนาคต
“หน่วยงานของเราก็เหมือนองค์กรธุรกิจทั่วๆ ไป คือการทำกำไรสูงสุด นั่นหมายถึงกำไรที่สามารถวัดค่าได้ และกำไรที่ไมสามารถวัดค่าได้ เป้าหมายของเราก็คือการเพิ่มยอดขายและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ในส่วนของการเพิ่มยอดขาย ปัจจัยสำคัญคือการเพิ่มทีมงาน ซึ่งจะมีผลโดยตรงกับยอดขาย เราตั้งเป้าหมายในปี 2555 ไว้ที่ 24 ล้าน PC เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 100% (ในปี 2554 มีผลงาน 12 ล้าน PC) และมีหน่วยใหม่เพิ่มอีก 9 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 100 (ปี 2554 มมี 9 หน่วย) สำหรับการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ก็คือ ในปี 2555 เราจะรักษาระดับการร้องเรียนของลูกค้าให้เป็นศูนย์”
ฝากถึงตัวแทนรุ่นใหม่
“ธุรกิจประกันชีวิตเป็นศิลปะการขายขั้นสูง ผู้ประกอบอาชีพต้องมีทักษะและความรอบรู้ในอาชีพอย่างถ่องแท้ จึงจะสามารถประสบความสำเร็จในอาชีพได้ จึงขอฝากถึงตัวแทนรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งก้าวเข้ามาสู่อาณาจักรสีน้ำเงินแห่งนี้ว่า การเรียนรู้และการเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทฯ เป็นสิ่งจำเป็นอันดับหนึ่งของอาชีพ เพราะจะทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศความสำเร็จของคนสำเร็จอยู่ตลอดเวลาและต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันตัวเราเองให้ก้าวเดินต่อไปในธุรกิจอย่างถูกทิศทาง และก้าวหน้าบนพื้นฐานที่ถูกต้อง ดังนั้นจึงขอฝากถึงตัวแทนทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าที่มองข้ามการประชุมวิชาการไป ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย”
ข้อคิดเห็นถึงผู้ที่ต้องการเปืด AO
“การเป็นเจ้าของ AO คือการเป็นเจ้าของธุกิจ ดังนั้น ปัจจัยต่างๆ ที่ต้องคำนึงถึงในการเปิด AO ก็เหมือนกับการลงทุนในธุรกิจทั่วไป จะมีข้อได้เปรียบก็ตรงที่ AO จะมีทีมงานของบริษัทฯ สนับสนุนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นผู้ประสานงาน AO ประจำพื้นที่ หรือทีมงานสนับสนุนฝ่ายขายประจำพื้นที่ ดังนั้น หากเรามีความพร้อมด้านเงินทุน ด้านทีมงาน และมีความคิดก้าวหน้าแล้ว การเปิด AO ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่ให้ผลตอบแทนแห่งการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืน จึงขอฝากถึงผู้ที่สนใจที่จะเปิด AO เป็นของตนเองว่า การเปิด AO นั้น นอกจากจะได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแล้ว เรายังได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่ถือได้ว่าลงทุนน้อย แต่มีความเสี่ยงในระดับต่ำ การเปืด AO ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด เพียงแต่เราต้องศึกษาระเบียบกฎเกณฑ์ของบริษัทฯ อย่างถูกต้อง และปรึกษาผู้ดูแลพื้นที่ เพื่อลดขั้นตอนของปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต”
บุคคลที่ให้การสนับสนุน
“การที่เราอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ บุคคลแรกที่อยากขอขอบคุณคือ คุณศิริพร สวิงคูณ ซึ่งเป็นผู้ที่ขักชวนเข้าสู่อาชีพนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทฯ แห่งนี้ และขอขอบคุณท่าน ผอ.บริหารฝ่ายขาย คุณจำเรียง แก้วตระการวงศ์, ท่าน ผอ.บริหารฝ่ายขาย คุณอนันต์ เข็มทอง ที่เป็นทั้งที่ปรึกษา เป็นอาจารย์ และเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงานตลอดมา และที่ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง คือทีมงานในกลุ่ม 476 ทุกท่านที่ได้ร่วมกันสร้างผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่งยิ่ง คุณวิจิตร และคุณรังสิมา โศจิศิริกุล เจ้าของสำนักงานเขาไร่ยา จันทบุรี ที่ได้ร่วมกันบุกเบิกธุรกิจนี้ด้วยกันมาตั้งแต่ต้น และสุดท้ายนี้ ขอกราบขอบพระคุณคณาจารย์ทุกท่านที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาชีพประกันชีวิตมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ซึ่งหากจะกล่าวในที่นี้คงกล่าวไม่ครบถ้วน จึงขออนุญาตไม่เอ่ยนาม ณ ที่นี้”
ด้วยความตื้งใจ และการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทำให้วันนนี้ สำนักงานตัวแทนถนนญาณวิโรจน์ จันทบุรี ของคุณงานมตา นวลงวาม เป็น AO ที่มีความโดดเด่นและมีผลงานเป็นที่ยอมรับอีกแห่งหนึ่ง และสำหรับ AO ในคราวหน้าก็คงมีเรื่องราวอะไรดีๆ ที่น่าประทับใจ ที่เราพร้อมจะนำเสนอในฉบับต่อๆ ไป
ที่มา : Ayudhay Allianz C.P. STAR ฉบับที่ 6 ประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2554
| < Prev | Next > |
|---|
