ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการประกันชีวิต
“ผมเป็นคนจังหวัดตรัง ครอบครัวทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม ฐานะทางบ้านเรียกได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง มีพี่สาวอีก 1 คน ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาต่ออยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนตัวผมเอง พอจบม. ปลาย ที่จังหวัดตรัง ก็ตามเพื่อไปเรียนต่อปริญยาตรีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร หรืออยากจะทำอาพีชอะไร พอเพื่อนๆ ส่วนใหญ่เลือเรียนสาขาบริหารการจัดการ ผมก็เลยเรียนตามเพื่อน และก้จบมาได้ในเวลา 5 ปี พอเรียนจบคุณครูที่เคยสอนผมที่จังหวัดตรังก็ชวนให้มาเป็นครูสอนวิชาพละและคอมพิวเตอร์ที่จังหวัดตรังนี้เมื่อปี 2543 ถึงแม้ผมจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์เพราะไม่ได้จบมาด้านนี้โดยตรง แต่ก้พยายามศึกษาค้นคว้าและสนุกกับการเป็นครูสอนนักเรียนอยู่ถึง 8 ปี”
รู้จักอลิอันซ์ฯ ได้อย่างไร
“จำได้ว่าประมาณปี 51 เพื่อนผม (คุณวรันธร หูเขียว ปัจจุบันเป็ยผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย) มาขอให้ผมช่วยออกโค้ดเพื่อที่เขาจะได้ทำคุณวุฒิไปต่างประเทศอะไรสสักอย่างในตอนนั้น และต่อมาก็พาผมไปพบกับหัวหน้า คือคุณยุพาวดี พิทักษ์(พี่ฉุย) พวกเขาก็ใส่ความคิดให้ผมเยอะแยะ แต่ตอนนั้นผมยังไม่สนใจกับอาชีพนี้สักเท่าไร แต่พวกเขาก้อดทนรอผมอยู่ 2-3 ปี จนมาถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมหันมามองอาชีพนี้ก็คือในเรื่องของรายได้ เพราะตอนที่เข้ามาเป็นครูใหม่ๆ ผมได้เงินเดือนเริ่มต้น 5,000 บาท สอนอยู่หลายปีได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,000 บาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย พอถูกชักชวนหลายๆ ครั้งเข้าผมจึงลองหันมาเป็นตัวแทนเพื่อจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น ในช่วงสองเดือนแรกผมตั้งใจขายมาก ก็ขายได้พอสมควรโดยลูกค้ากลุ่ทมแรกเป็นคนใกล้ตัวที่เป็นญาติข้างๆ บ้าน ได้ผลตอบแทนมาประมาณ 4-5 หมื่นบาท ทำให้ผมเห็นความแตกต่างระหว่างเงินเดือนครูกับการขายประกันชีวิตว่ามันเทียบกันแทบไม่ได้เลย ในช่วงแรกผมลองทำเป็นพาสทามอยู่ประมาณ 1 ปี พอเห็นรายได้ที่ได้รับตรงนี้เลยทำให้เกิดแรงบันดาลใจมากขึ้น และมุ่งมั่นที่จะทำแบบจริงๆ จังๆ จึงลาออกจากอาชีพครูมาทำฟลูทามในเดือนมีนาคม ปี 53 จนถึงปัจจุบันผมอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการหน่วย”
ได้อะไรจากอาชีพประกันชีวิต
“ที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ รายได้ที่เข้ามามากมายอย่างไม่จำกัด ณ ตอนนี้ผมได้ตึกมา 1 หลัง จากการแข่งขัน AL Seminar มันเป็นการลงแข่งขันกันทั่วภาคใต้ ซึ่งผมก็ได้เงินมา 4 แสน บวกกับโบนัส และ Of the year ก็ได้ทองมาอีก ในความคิดแรกของผมก็คือ อยากมีสมบัติเป็นของตัวเองสักหนึ่งชิ้นจากอาชีพนี้ จึงเอาเงินมาซื้อตึกเพื่อจะเปิดเป็นสำนักงานตัวแทน ก็ภูมิใจครับที่ได้สมบัติเป็นของตัวเองอย่างน้อยก็ 1 ชิ้นแล้ว”
เปิด AO เพราะต้องการให้ลูกค้าเห็นถึงความตั้งใจ
“ผมมีความคิดที่ว่า เมื่อเราตั้งใจจะอยู่ในธุรกิจนี้ไปนานๆ ก็ควรจะทำให้มันจริงจัง ให้ลูกค้าเห็นความตั้งใจของเราและเกิดความเชื่อมั่นว่าเราจะยังคงอยู่โดยไม่หนีหายไปไหน หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเป็นตัวแทนอยู่ 2 ปีเต็ม เลยตัดสินใจเปิด AO เป็นของตัวเอง เมื่อเดือนมีนาคม 2555 โดยมีลูกทีม 1 หน่วย”
เลือกที่จะเปิด AO ใจกลางเมือง
“ตอนแรกก็หาอยู่หลายที่เหมือนกัน พอดีมาเจอที่ตรงนี้ซึ่งเป็นใจกลางเมืองและไม่แพงมาก เพราะที่อื่นๆ ที่ดูมาราคา 5 ล้านขึ้นทั้งนั้น แต่ตึกนี้เป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ผมซื้อได้ในราคา 4 ล้าน 7 แสนบาท รวมค่าตกแต่งอีกประมาณล้านห้า จึงได้เปิดเป็นสำนักงานตัวแทน โดยทำเป็นออฟฟิสชั้น 1 และชั้น 2 ส่วนชั้น 2 ทำเป็นที่พักผ่อน ซึ่งผมก็พักที่นี่บ้าง หรือบางครั้งก็กลับไปอยู่บ้านที่ อ.น้ำผุด บ้างสลับกันเพราะระยะทางระหว่างบ้านกับสำนักงานห่างกัน 3 กิโล”
ความเปลี่ยนแปลงหลังจากเปิด AO
“ก็เปลี่ยนเยอะครับ เพราะเราต้องทำงานหนักขึ้น ต้องขยันหาตัวแทนเพิ่มขึ้น เหมือนเราเป็นเจ้าของกิจการ ที่จะต้องดูแลบริหารจัดการทุกอย่างในสำนักงาน อย่างน้อยก็ได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนจบมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ หลังจากเปิด AO ทำให้เราได้รู้ศักยภาพของตัวเราเองมากขึ้น มีหน้ามีตาขึ้น คนในสังคมยอมรับมากขึ้น ทำให้ขายง่ายขึ้นเยอะมากเลยครับ รีครูทก็ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะลุกค้าเห็นว่าเรามีสำนักงานเป็นหลักเป็นฐาน มีความมั่นคงพอที่จะฝากให้เราเป็นคนดูแลผลประโยชน์ให้กับเขา อย่างเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันก็ยอมรับเรามากขึ้น เดินเข้ามาหาเรา มาเป็นตัวแทนกับเรา รายได้ก็ย่อมเพิ่มมากขึ้นเป็นของแน่นอน อาชีพนี้มันดีมากๆ เลยครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอาชีพไหนที่มันมีรายได้ดีขนาดนี้”
บริหารทีมงานแบบพี่น้อง
“สำนักงานของผมจะใช้ ใจแลกใจ ครับ บริหารกันแบบเพื่อน แบบพี่ๆ น้องๆ ไม่กดดันอะไรมาก มีอะไรก็มาเล่าสู่กันฟัง มีปัญหาก็ช่วยกันแก้ไข อย่างบริษัทฯ มีคุณวุฒิอะไร เราก็มาบอกกัน และก็อาจมีการท้าทายแข่งขันกันบ้างภายในกลุ่ม ส่วนตัวผมก็ทั้งรีครูทเอง และสอนตัวแทนให้รีครูท แต่เดี๋ยวนี้คนที่เราจะรีครูทผมจะให้พามาที่สำนักงาน ให้เขาเห็นว่าเรามีสำนักงานใหญ่โต มีความมั่นคงที่จะอยู่ในอาชีพนี้ เขาจะได้มีความเชื่อมั่น และพร้อมที่จะก้าวเข้ามาร่วมทีมกับเรา ส่วนตัวแทนใหม่ที่เข้ามา ถ้าเราเห็นว่าคนไหนพอจะไปได้ เราก็จะไปประกบดูแลอย่างใกล้ชิด สนับสนุนให้เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง เพื่อมุ่งสู่จุดหมาย แต่ถ้าคนไหนดูแล้วว่าไปไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยเขาไป”
กิจกรรมในสำนักงาน
“กิจกรรมในสำนักงานก็จะคล้ายกับสำนักงานอื่นๆ ทั่วไป คือมี Meeting ผู้บริหาร ตัวแทน และก็มี PPS บางครั้งก็ไปร่วมกิจกรรมกับสำนักงานของคุณยุพาวดี เรียกได้ว่าเวลามีกิจกรรมต่างๆ ผมจะเป็นหัวแรงใหญ่ของกลุ่มในจังหวัดตรังครับ ซึ่งใน การทำงานต้องใช้ความขยันและอดทนทุกอย่าง ถ้าเดือนไหนที่เราไม่ขยัน เห็นชัดเลยว่าตัวเลขไม่มา ก็ยังมีเดือนหน้าให้ลองพยายาม เพราะฉะนั้นเราต้องขยันครับ ซึ่งตอนนี้มีตัวแทนอยู่ในหน่วยก็ประมาณ 70-80 คน ผมตั้งเป้าไว้ว่า อย่างน้อยจะทำหน่วยให้ได้ถึง 10 หน่วยภายในเดือน มีนาคม และจะขึ้น AVP ให้ได้ในปีนี้”
เสน่ห์ของประกันชีวิต
“คือผมชอบความอิสระของอาชีพนี้ อย่างตอนที่เป็นครู เราต้องเข้าทำงานเช้า เลิกเย็นตามที่โรงเรียนกำหนด เป็นตารางกิจวัตรประจำวันที่ต้องปฏิบัติตาม แต่อาชีพประกันชีวิตนี้ หากคิดจะไปไหนเราก็สามารถไปได้เลย คิดอยากจะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ เพราะเรายังมีตัวแทนที่ยังคงทำงานให้กับเราอยู่ ผมชอบมากเลยครับ มันอิสระดี กาทำคุณวุฒิต่างๆ ก็ไม่ยาก ที่สำนักงานตอนนี้ติดคุณวุฒิปารีสอยู่ 2 คน ส่วนคุณวุฒิที่ผ่านมาก็มี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น หรือคุณวุฒิอะไรที่เกี่ยวกับ New Code ส่วนใหญ่จะติดหมด และ Of the year ก็ติดอันดับที่ 2 เมื่อปี 2554 ปัญปหาส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมี จะมีก้แต่จะหาวิธีปิดเคสลูกค้ากันอย่างไรมากกว่า ซึ่งประกันชีวิตในจังหวัดตรังตอนนี้เติบโตขึ้นมาก เวลาตัวแทนไปหาลูกค้าแล้วปิดเคสไม่ได้ เราก็ต้องให้เขาไปเรียน ไปศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาหนทางแก้ไขกันตรงจุดนี้ ซึ่งแบบประกันของบริษัทฯ มีหลายแบบ เด่นๆ ก็มี OPD และเราก็ต้องเอาจุดเด่นของเราไปเสนอว่าครบสัญญาเมื่อไร จะได้เท่าไร ถ้าเราตรงต่อเวลาและจ่ายจริงลูกค้าก็จะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะซื้ออันไหนหรือกับใคร”
ฝากคำของคุณ
“คนแรกที่ผมอยากจะขอบคุณก็คือคนที่ชวนให้ผมได้เข้ามาสัมผัสกับธุรกิจมหัศจรรย์ คุณวรันธร หูเขียว เขาต้องอดทนรอผมอยู่หลายปีกว่าที่ผมจะตัดสินใจเดินเข้ามาสู่บ้านสีน้ำเงินหลังนี้ และถัดมาก็คือครอบครัว ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาว ที่ช่วยสนับสนุนทุกอย่าง ไม่ว่าผมอยากจะทำอะไรก็ช่วยเต็มที่ และก็ช่วยหาลูกค้าให้ด้วย ขอบคุณคุณยุพาวดี พิทักษ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายขาย ที่ช่วยดูแลแนะนำทุกๆ อย่าง ทุกๆ เรื่อง ขอบคุณ ผอ.วิกร ฐิติกวิน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทน ที่คอยกระตุ้นผมตลอดเวลา ขอบคุณตัวแทนทุกๆ ท่านที่ให้ความไว้ใจและสมัครสมานสามัคคี พร้อมที่จะนำพาสำนักงานของเรากว้าขึ้นไปสู่จุดหมาย ขอบคุณลูกค้าทุกๆ ท่านจากใจจริงครับ”
ฝากถึงตัวแทนน้องใหม่
“สำหรับตัวแทนที่เข้ามาใหม่ ผมอยากจะบอกว่า รายได้ของธุรกิจประกันชีวิตนั้นมากมายจริงๆ ถ้าเราตั้งใจ ขยัน อดทน หมั่นฝึกฝนตัวเอง และเข้าประชุมบ่อยๆ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะการประชุมแต่ละครั้งจะมีวิทยากรเก่งๆ มาช่วยสอนเยอะ ถ้าเราไม่ขาดวิชาการก็จะทำให้เรามีพลังขึ้น และจะอยู่ในอาชีพนี้ได้นาน ตัวแทนคนไหนที่ผมชวนเข้ามา ผมก็อยากจะให้เขาทำฟลูทาม เพราะคุณจะมีเวลาเต็มที่กับการทำงานตรงนี้และเมื่อคุณทุ่มให้กับอาชีพนี้แล้ว ผลตอบแทนที่ได้รับก็ย่อมมากขึ้นเป็นทวีคูณ”
ธุรกิจประกันชีวิตเป็นหนึ่งในไม่กี่อาชีพที่ทำรายได้อย่างมากมายมหาศาล เพียงแค่คุณมีความขยัน อดทน ไม่ต้องมีเงินลงทุนมากมาย คุณก็สามารถประสพความสำเร็จไดดังเช่นคุณกฤตณภัทร สุดศรี และ Star Magazine พร้อมที่จะไปเปิดสำนักงานของทุกๆ ท่านเป็นลำดับต่อไป ขอบคุณค่ะ
ที่มา : STAR MAGAZINE Volume 7 Issue 5 January - february 2013
< Prev | Next > |
---|