คุณพิรพัฒน์ นพทิน
เจ้าของสำนักงานของตัวแทนตลอดเทพจินดาบ้านฉาง-ระยอง
ฉบับนี้เรามาแวะเยี่ยมเยียนเจ้าของสำนักงานตลาดเทพจินดาบ้านฉาง-ระยอง กับคุณพีรพัฒน์ นพทัน ผู้อยู่ในวงการประกันชีวิตยาวนานท่านหนึ่ง สำนักงานแห่งนี้ตั้งชื่อตามตลาดเทพจินดา อยู่เลขที่210/16 หมู่3 อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นอาคารพาณิชย์ 1 คูหา 3 ชั้น ครึ่ง ชั้น1 และชั้นลอย เป็นห้องประชุมชั้น3 ยังว่างอยู่ แต่กำลังรอขยับขยายในการที่มีหน่วยเพิ่มขึ้น นับว่าสำนักงานตัวแทนปห่งนี้เป้นสำนักงานตัวแทนที่มีผู้จัดการเดินเข้าออกเยอะมากแห่งหนึ่งในประเทศ
จุดเริ่มต้นกับงานประกันชีวิต
"มันเป็นแรงบัลดาลใจตั้งแต่สมัยก่อน ครั้งเป็นเด็กต่างจังหวัดอยู่แถวชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ผมไปเลี้ยงควายฝั่งเขมร มีหมอดูทักว่าผมมีโอกาสที่จะก้าวหน้าและประสพความสำเร็จ จะได้ไปต่างประเทศอย่างมีเกียตริภูมิเลยกลายเป็นการฝังหัวมาตั้งแต่นั้นที่ว่าอะไรเราจะต้องทำให้สำเร็จ ต้องยิ่งใหญ่ อย่างเช่นตอนเรียนหนังสือ ป.4 ก็อยากเป็นหัวหน้าชั้นแต่การที่บ้านอยู่ชายแดน ทำโอกาสเรียนหนังสือในระดับสูงมีน้อย ผมเลยบวชเณรเพื่อที่จะให้ตัวเองได้มีโอกาสศึกษาต่อจนจบปริญญาตรี ศึกษาศาสตร์บัณฑิต (กศบ.)จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นคนแรกของหมู่บ้าน จากนั้นก็รับราชการครูที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จ.ระยอง เพราะอาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ แต่มีเงินเดือนข้าราชการมันมีจำกัด อีกทั้งการฝังจิตฝังใจที่หมอดูเคยทายทักว่าเราจะก้าวหน้าและร่ำรวยมากกว่านี้ เลยพยายามหางานอื่นเพื่อให้ได้มีรายได้มีรายได้ที่สูงขึ้น ผมถูกชักชวนจากเพื่อนให้มาฟังธุรกิจประกันชีวิต ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยสนใจเลน เพราะคิดว่ามันเป็นอาชีพที่จะต้องพบเจอกับความผิดหวัง บ่อย แต่ที่ยอมมาฟังก็เพราะอยากจะจับผิดวิทยากรมากกว่า อยากรู้ว่าอาชีพนี้มันมีดีตรงไหนถึงทำให้คนจากหลากหลายวงการให้ความสนใจ แต่สุดท้ายก็คล้อยตามและยอมรับว่าการทำธุรกิจประกันชีวิตนั้นดี มีเหตุผล แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะยึดเป็นอาชีพที่ยั่งยืน ได้ จุดหักเหที่ทำให้ผมสนใจอาชีพนี้ขึ้นหลังจากฟังการบรรยายครั้งที่ 2 มีวิทยากรท่านหนึ่งซึ่งอายุน้อยกว่าผมอีก จบแค่ ปวช. ทำงานเป็นเลขาฯ มาเล่าประสบการณ์ที่ทำให้ประสพความสำเร็จ และมีรายได้สูงขึ้นอย่างไม่จำกัด ผมมารู้ภายหลังว่าวิทยากรท่านนี้เป็นเจ้ของสำนักพิมพ์ที่เสียภาษีมากที่สุดคนหนึ่งในจังหวัดระยองด้วย อาชีพการขายประกันชีวิตผมจึงบันดาลใจและคิดว่าตัวเองมีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิมากกว่าเขา ก็น่าจะทำได้เช่นกัน จึงหันมาสนใจอาชีพธุรกิจประกันชีวิตอย่างจริงๆจังๆ"
ร่วมงานกับ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี
"ผมเคยทำงานประกันชีวิตกับอีกบริษัทหนึ่งมาตั้งแต่ปี 2531 เริ่มจากการเป็นตัวแทน และเลื่อนตำแหน่งมาเรื่อยๆ จนกระทั่งผู้บริหาร ผมสังเกตว่าเวลามีการประชุมผู้บริหารกว่า 300 หน่วย ซึ่งผมเป็น Co Leader จะมีที่จอดรถประจำ ตำแหน่ง ซึ่งผู้บริหารที่ขับรถเบนซ์มรไม่เกิน 5 คัน ตัวผมเองทำมานาน ถึง 20 ปี ก็ไม่เห็นจะรวยเท่าไหร จึงลองหันไปทำธุรกิจด้านอื่นดูบ้าง ก็ประสพความสำเร็จพอสมควร แต่มันเหมือนไม่ใช่ตัวเราอาจเป็นเพราะผมอยู่ในอาชีพที่คลาสสิก แต่ถ้าจะให้กลับไปทำที่เดิมก็ดูเหมือนเสียศักดิ์ศรี จนผมเกือบ จะหันหลังให้กับอาชีพนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่เป็น เพราะคุณศักดิ์ดา วานิชสรรพ์ และคุณณฐพร ทรัพย์เสอมกิจ ที่พยายามชักจูงให้ผมมองเห็นว่าถึงแม้จะมีค่าเพียงแค่เหรียญสิบซึ่งอาจจะถูกดินกลบ แต่ถ้เอาเหรียญสิบนี้ออกมาขัดสีฉวีวรรณมันก็ จะเปล่งประกายแวววาวขึ้นมาใหม่ได้ ทำไมไม่ให้โอกาสตัวเองสักครั้ง ผมฟังแล้วก็รู้สึกดี ก้ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านเพราะถ้าตอนแรกผมไม่เคยมอง บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. นี้มาก่อนเลย แต่พอผมได้มาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะกลุ่ม Success ที่มีผู้บริหารหน่วยประมาณ 250 หน่วย พอมีการประชุม ผมสังเกตุเห็นมีแต่รถเบนซ์ รถ บี เอ็ม รถยี่ห้อหรูๆ จอดเยอะมาก อีกทั้ง มันทำให้ความแตกต่างจากบริษัทเก่าที่ เคยอยู่มา ผมลองเทียบรายได้จากการทำงาน ที่เก่า เก็บเบี้ย 5 ล้าน ได้โบนัส 2 แสน หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วผมแทบไม่เหลืออะไรเลยแต่ว่าที่นี่ผมเก็บเบี้ยปีละ 3 ล้าน ไม่เกิน 3 ล้านห้า พอรวมโบนัสทั้งหมดปลายปีผมได้มากกว่า 7 แสน มันต่างกันจนผมมองว่า การที่เรามาอยู่ที่นี่ เป็นการมาถูกที่ ถูกคน ถูกเวลา"
ก้าวกระโดดสู่ AO
"ผมเข้ามาร่วมงานกับ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี ประกันชีวิต ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2551 ตั้งใจ ทำงานอย่างเต็มที่ จนครบ 1 ปี จึงตัดสินใจเปิดสำนักงานเป็นของตัวเอง เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552 และได้ขึ้นตำแหน่ง Of the year ปี 2552 ภาคอาวุโสอันดับ 1 ของประเทศ และเลื่อน ตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย ในวันที่ 1 มิ.ย.2553 ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี 6 เดือนที่ได้เข้าสู่ อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี ซึ่งแรกๆ ผมก็ ทำอะไรไม่ค่อยถูก ทั้งเรื่องการบริหารจัดการหรือการบริหารคน แต่โชคดีที่ท่านผู้บริหารหลายๆ ท่ายเปิดโอกาสและให้ความเป็นกันเองค่อยชี้แนะสั่งสอนจนทำให้ผมเกิดทักษะขึ้น มันก็ไม่ธรรมดา นะเพราะผมเองก็อายุค่อนข้างมากแล้ว สูญเสียโอกาสดีๆ แบบนี้หลายปี แต่รุ่นพี่ที่เข้ามาก่อนต่างให้กำลังใจกันเยอะมาก อย่างคุณ ธัชชัย สุขดี หรือคุณอนันต์ เข็มทอง ก็ยุให้เปิดเพราะว่าการเปิด AO เหมือนเป็นการเดินทางลัดผมจึงมีความหวังและความสุขที่ได้ร่วมงานกับท่าเหล่านี้ "
ประสพความความสำเร็จกับการเปิดสำนักงานเป็นของตัวเอง
"แค่เดือนแรกเบี้ยก็ทะลุเป้า นับเป็น PC ก็ทะลุล้านทุกเดือน แล้วก็ขยายหน่วยงานค่อนข้างเร็ว ซึ่งตอนนี้มีหน่วยงานใต้สังกัดมากกว่า 20 หน่วย แล้ว บนความสำเร็จตรงนี้ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือคนแนะนำเราเข้าสู่อาชีพ ผมโชคดีที่ได้ผู้ใหญ่หลายท่าน คอยให้ความรู้ในทุกๆ เรื่อง และกำลังใจจากทุกๆ คนในทีม Success หรือแม้แต่ ท่าน ผอ. จุฑาทิพย์ พุทธะไชยศักดิ์ ก็รู้จักกันมาจากบริษัทเก่า ท่านเป็นม้าแรงท่านหนึ่งที่ช่วยผลักดันผมเป็นอย่างมาก อีกทั้งท่านยังเป็นผู้ก่อตั้งโครงการฉลามขาว ซึ่งในทีมงานผมเกือบทั้งหมดเป็นลูกศิษย์ท่าน "
หลักในการบริหารงาน
"ผมถือหลักง่ายๆ ก็คือมองงาน มองดี ตามงาน ตามดี และงานตาม การมองงานก็คือต้องมองสภาพแวดล้อมด้วย อย่างตอนที่ผมอยู่ที่เดิม ผมก็มองงานว่ามันดีแล้ว แต่เราลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้มองสิ่งแวดล้อมอื่นๆ บ้าง คืออย่าคิดว่างานที่เราทำอยู่ตอนนี้มันเฟอร์เฟกหรือดีที่สุดจริงๆ มันอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ พอมองงานแล้วเราจึงเห็นโอกาสที่ดีของอยุธยา ว่ามีข้อแตกต่างอะไรทั้งๆ ที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เป็นบริษัทประกันชีวิตเหมือนกัน การที่เรามองดี ก็ทำให้เรามองเห็นจุดเด่นตรงนั้น ที่ให้โอกาส ดีกว่า เดิมพอศึกษาและเห็นว่ามันดีสำหรับเรา ทีนี้ก็ตามงามเลย ผมทำงานไม่เคยมีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ต่อให้วิ่งไปสำนักงานใหญ่บ่อยแค่ไหนผมก็ไป ไม่เคยมีข้อแม้ในการเทรนตัวแทน หรือการสร้างหน่วยใหม่คนไหนที่มีโอกาส จะก้าวหน้า ผมก็ดันขึ้นเลยถ้าเราตั้งใจขยัน เดี๋ยวงานมันก็ตามมาเอง"
ประโยชน์ของการเปิด AO
"จากแต่ก่อนที่เราเคยรู้สึกว่า อาชีพประกันชีวิต จะต้องเข้ามาขายประกันอย่างเดียว ขาย ขาย ขาย เป็นมืออาชีพ ซึ่งการขายมันมีจุดบกพร่อง คือเราอาจจะหมดกำลัง หมดแรง หรือ อายุมาก ขึ้น ก็จะทำให้การขายนั้นแผ่วลงไป ซึ่งผมเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่ามันจะกลายมาเป็นธุรกิจได้ แต่การเปิด AO ก็เหมือนกับการที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจอย่างชัดเจน คือการที่เราจะทำอะไรก็ได้ อยู่ดึกดื่นแค่ไหนก็ได้ เราสารมารถรองรับผู้จัดการหน่วยและพลังตัวแทนได้ตลอดเวลาเหมือน 7-eleven แล้วเราก็สามารถสร้างรายได้ขึ้นมาจากตรงส่วนนี้ นี่คือส่วนดีของการเปิด AO ของผม"
เป้าหมายที่ตั้งไว้
"ตอนที่อยู่ที่เก่าผมก้าวถึงระดับผู้จัดการอาวุโส แต่ที่ผมเป็นแค่ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายอยู่ก็จะขึ้นเป็น SVP ให้เร็วที่สุด จริงๆ ไม่ได้โลภเรื่องตำแหน่งนะ แต่มันเหมือนเป็นจินตนาการเป็นความฝัน เพราะว่าเราเคยอยู่ในระดับสูงกว่านี้เราก็น่าจะทำอะไรหลายๆ อย่าง ที่เราเคยทำได้เพียงแต่เราต้องออกแรงอีกนิด
อดทนกับงานอีกหน่อย และอดทนกับคนเพิ่ม ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ในเรื่องของความฝัน ก็หวังว่าจะเป็น SVP อย่างแน่นอน ตอนนี้ก็พยายามสร้างหน่วยเพิ่ม เพื่อจะดันตัวเลขให้สูงขึ้น"
ความภาคภูมิใจที่ได้รับ
"ปีแรกที่ผมเข้ามาเป็นผู้จัดการภาคอาวุโส ได้ Of the year ผู้บริหารตัวแทน สร้างตัวแทนใหม่ ยอมเยี่ยมประจำปี 2552 ระดับผู้จัดการภาค อาวุโส AZAP Top Recruiter คุณวุฒิแห่งเกียรติยศระดับ Asia Pacific สร้าง New Code ในสายงานกว่า 120 New Code สร้าง New Code หน่วยกว่า 50 New Code พิชิตคุณวุฒิ อิตาลี อินเดีย บาหลี ฯลฯ ปัจจุบันผมเป็น AVP ซึ่งตอนนี้มีตัวแทนคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะภูมิใจ คือ คุณนามโก้ อันมั่น เดิมเขาเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ผมเชิญให้เขามาทำตรงนี้จนเขาประสพความสำเร็จ เกือบได้เป็น Of theYear สืบสานต่อจากผมแล้ว "
คติในการทำงาน
"คติของผมก็คือ ทีมงานเหมือนครอบครัว ขั้นตอนการบริหารจัดการเป็นยังไงผมไม่รู้หรอก ผมคิดแค่ว่าคนที่มาร่วมงานก็คือครอบครัว คือ พี่น้อง คือลูก คือหลาน ซึ่งผมจะนึกถึงพวกเขาเสมอ ปกติผมจะมีอาหารใส่ปิ่นโตมาตลอด ถ้าผมทำน้ำพริก ผมจะไม่ชอบทานคนเดียวก็จะนึกถึงทีมงานมาร่วมวง ผมเป้ฯคนไม่ค่อยตั้งเป้าหมาย ในเรื่องงาน ว่าใครต้องส่งงานตอนไหน ขอแค่ทำงานอย่างมีความสุข แล้วเวลาที่เราต้องการอะไรเดี๋ยวมันก็จะมาเอง"
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังและเป็นกำลังใจ
" ผมได้ผู้ช่วยที่ดีคือ คุณเบญจภรณ์ ซึ่งเป็นคู่ชีวิตของผมเอง เอ'เคยทำงานอยู่เบื้องหลังบริษัทประกันชีวิตเก่าที่เราเคยอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกร เรื่องเอกสาร หรือ การส่งงานต่างๆ เราก็แค่มาปรับนิดหน่อยเพราะหลักๆมันคล้ายกันอยู่แล้ว สำนักงานของเราได้รับความชื่นชมจากบริษัท ฯ นะ ว่าเราติด Memo น้อยที่สุดอันดับที่ 2 ของทั่วประเทศ ก็ถือว่าได้ใช้คู่ชีวิตที่ดี เคียงบ่าเคียงไหล่ทำงานกับเขากันมา ตอนนี้คุณเบญจภรณ์ ก็เป็นผู้จัดการสำนักงานเต็มตัว มีลูกชาย 3 คน จบวิศวะหมด 2 คน เป็นตัวแทน ส่วนอีกคนทำหน้าที่รับจัด Organize ของบริษัทประกันทั้งหมด ทั่วประเทศ แต่เวลาสว่นใหญ่เขาก็จะเข้ามาช่วยตลอดลูกๆ ผมเขาภูมิใจกับอาชีพประกันชีวิต เพราะพวกเขาจบมาเพราะอาชีพขายประกันชีวิต"
ฝากความถึงตัวแทนรุ่นใหม่
"คนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจประกันชีวิต ผมพยายามปลุกฝังให้เขามองธุรกิจประกันชีวิตแบบใหม่ จากแต่ก่อนถ้าพูดถึงตัวแทนขายประกัน เขาจะกลัว กลัวว่าจะต้องมาขายประกันคอยถือกระเป๋าเคาะประตูบ้าน ซึ่งผมอยากให้เขาเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ คือให้เขาคิดว่า การเข้ามาทำธุรกิจ ประกันชีวิตก็คือการ
เป็นตัวเชื่อมเปนที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นผู้นำเสนอ เป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดและคอยสร้างผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับครอบครัวของลูกค้า ตัวแทนจะรู้สึก ว่าเขาตัวไม่เล็กแต่เขาจะตัวโตเพราะว่าถ้าเขามองว่าตัวเองเป็นที่ปรึกษาเขาจะได้ ไม่กลัว ใคร ผมพยายามให้เขามองอย่างนั้นนะ"
บุคคลที่อยากฝากคำขอบคุณ
"หลากหลายท่านมากครับ ไม่ว่าคุณสรรค์ชัย ลาภสัมปันน์ชัย คุณวิกร ฐิติกวิน คุณอานนท์ ศิรินฎเจริญ คุณกฤษดา กิติทัศน์เศรณี ที่ให้ความเป็นกันเอง และเปิดโอกาสให้กับผม ผมมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับท่านทั้งหลายนี้
อีกทั้งทีมงาน Management ของคุณไชยวัฒน์ กิตติโสภีพร คุณเมธี ปรีชาวรรณ หรือกลุ่ม Join Together และเพื่อนๆ พี่ๆ จากกลุ่ม Success ทุกท่าน "
ขอบขอบคุณ คุณพีรพัฒน์ นพทัน เจ้าของสำนักงานตัวแทนตลาดเทพจินดา -ระยอง ที่เปิดโอกาสให้เราได้มาสัมผัสมุมมองและแนวความคิดที่มีต่ออาชีพประกันชีวิต และหวังว่าหลายๆ ท่านคงจะได้รับประโยชน์และเอาแนวทางการทำงานไปปรับใช้กับตัวคุณเองนะคะ
ที่มา : Ayudhay Allianz C.P. STAR ฉบับที่ 5 ประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2554
< Prev |
---|