SUPREME 24

"คิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม ได้เหมือนเดิม เปลี่ยนความคิด ชีวิตจะเปลี่ยน "

ความเป็นมาของชีวิต

เกิดมาในครอบครัวคนเคยจน เป็นลูกคนที่ 6 ในครอบครัวมีพี่น้อง 7 คน คุณแม่เป็นม่ายตั้งแต่อายุ 35 ปี คุณพ่อเสียตอนอายุ 45 ปี พี่สาวคนโตอายุ 16 ปี 13 ปี เรียงมาเรื่อยๆจนถึง อายุ 2 ขวบ และน้องชายอายุ 1 ขวบ พี่สาวเล่าให้ฟังว่า อยู่ๆพ่อเสียเลือดออกตา จมูก หู เสียชีวิตแบบไม่ต้องรักษา เพื่อนบ้านช่วยแบกพ่อเข้าโรงพยาบาล โรงพยาบาลอยู่ใกล้บ้านมากก็รักษาไม่ทัน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น พ่อไม่เคยตรวจสุขภาพ เพราะว่าจนทำแต่งาน เครียดไม่มีจะกิน ลูกก็เยอะ พ่อมีอาชีพขายกาแฟ ร้านกาแฟ ขายแบบใจดี มาซื้อมาสั่งกาแฟจดแต่เก็บเงินไม่ได้ ขายๆ ไปทั้งถ้วยกาแฟ ขวดน้ำอัดลมหายหมด...เจ๊ง

คุณแม่เห็นอนาคตแล้ว ก่อนที่จะเจ๊ง คุณแม่ก็เลยไปขายผลไม้ หาบผลไม้ขายทั้งๆ ที่ท้องมีดิฉันอยู่ในท้อง หาบผลไม้ขายก็เริ่มพอจะมีเงินบ้าง คุณแม่บอกว่าตอนดิฉันคลอดพอจะมีกินหน่อย ได้กินนมผงกระป๋องตราหมี นมชง ได้เรียนโรงเรียนวัดสวนพลู ชุดนักเรียนใส่ตั้งแต่ชุดยาวๆ จนชุดสั้นเหนือเข่า .. ภาพของคนพอมีกิน ลูกเยอะ ชุดนักเรียนใส่จนรัดติ้ว ชุดเอี้ยมสีน้ำเงิน ป.1 ถึง ป.7 เปลี่ยนชุดนักเรียน 2 ครั้ง นี่คือ สิ่งที่เราต้องสู้ชีวิตมาก คุณแม่ขายผลไม้ก็ต้องช่วยคุณแม่ขาย เลิกเรียนก็ต้องมาช่วย ปิดเทอมช่วยขายตลอด พอครูเดินผ่านอายก้มหน้าไม่อยากให้ครูเห็น แต่จริงๆ ครูเห็นหน้าเรา แต่เราก้มหน้าจึงไม่เห็นหน้าเขา เพราะเราหลบตาลง ต้องต่อสู้เพื่อแม่ เพราะสงสารแม่ไม่อยากให้แม่ลำบาก

ดิฉันเรียนจบคณะวิทยาศาตร์ จุฬาฯ พอเรียนจบทำงาน ก็อยากให้คุณแม่เลิกขาย เพราะคุณแม่ไปนั่งขายอยู่ริมถนนหน้าร้านทอง ทั้งฝุ่นละออง ท่อไอเสียรถ ก็ไม่อยากให้คุณแม่จากเราไปเร็ว เพราะว่าคุณพ่อไปแล้วเรายังจำหน้าไม่ได้ ก็อยากให้คุณแม่อยู่นานๆ ตื้อจนได้รับชัยชนะ คุณแม่ยอมเลิกขายริมถนน แต่มาขายในบ้านแทน ขายจนถึงอายุ 80 ปี ถึงได้เลิกขายผลไม้ ปัจจุบันคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่อายุ 88 ปี สุขภาพยังแข็งแรงดีอยู่ ลูกๆเรียนจบดีๆ เป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นเจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เรามีทุกอย่าง แต่คุณแม่ก็ขยันไม่เลิก เหมือนกับว่าถ้าเราปลูกฝังนิสัยที่ดี นิสัยที่ดีก็จะติดเราไป แต่ถ้าเราปลูกฝังนิสัยไม่ดี นิสัยไม่ดีก็จะติดเราไปตลอด วันที่เราเริ่มเข้ามาสู่ธุรกิจประกันชีวิต ต้องเริ่มมาเรียนรู้และปลูกฝังนิสัยที่ดีๆในการทำงานเป็นนิสัยของเราให้ได้ เพราะงานนี้เราเป็นเจ้าของธุรกิจ เราต้องปลูกฝังนิสัยเราเอง ไม่มีใครจะมาปลูกฝังเราได้ เราเลือกเอาว่าเราอยากได้นิสัยอย่างไร

แล้วมารู้จักธุรกิจประกันชีวิตได้อย่างไร ใครเป็นผู้แนะนำ แล้วคำพูดใดของผู้แนะนำที่ทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจนี้

เริ่มต้นจากรักเพื่อน เลยได้มาเป็นตัวแทนแบบ partime ตั้งแต่กรกฎาคม 2540 เพื่อนพามาส่งมอบให้กับ อลิอันซ์ อยุธยา แล้วเพื่อนก็บ๊ายๆ ไม่ได้เป็นตัวแทน แต่เพื่อนก็ได้ซื้อประกันของตัวเอง เพราะรู้คุณค่าของประกัน แต่เราได้หัวหน้าคอยโทรตามจึงได้เข้ามาฟัง เราก็ได้รู้ประโยชน์ของประกัน คนซื้อประกันเพราะเค้าได้ยินประโยชน์ของประกัน ถ้าเราบอก “พี่ พี่ ซื้อประกันมั้ยคะ” เราจะได้คำตอบ “มีแล้ว”  “เยอะแล้ว” เราต้องพูดให้มันมากกว่านี้ว่ามันมีอะไรบ้างในประกันที่เรานำไปเสนอเค้า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น

ประสบการณ์ตอนเป็นตัวแทนใหม่ๆ

ช่วงเป็นตัวแทนใหม่ เริ่มโดยการซื้อประกันให้ลูกสาวอายุ 5 ปี ซึ่งไม่มี ประกันเลย และอีกกรมธรรม์ก็สำหรับตัวเอง (โดยส่วนตัวมีประกันกลุ่มอยู่แล้วกับ 2 ฉบับ ) หลังจากที่อบรม แน่ใจว่า ประกันชีวิตมีประโยชน์ และจำเป็นมากสำหรับทุกคน และเริ่มต้นขายคนที่เคยติดต่องาน รวมถึงเพื่อนๆ และญาติพี่น้อง โดยเอากรมธรรม์ของลูกและของตัวเองติดรถไปตลอด เพื่อเปิดให้ทุกคนที่เราจะเสนอขายประกันชีวิตดู ว่าเราเห็นว่าจริงๆ ถึงได้ทำและเอามาแนะนำให้ซึ่งก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นสถิติ โดยที่เราก็ มาเข้าใจในภายหลัง โดยไม่เคยให้หัวหน้าพาออกขาย เพราะเป็นคนมั้นใจในตัวเอง และชอบทำงานด้วยตัวเอง

เหตุผลที่เข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตอย่างเต็มตัว และอะไรที่ทำให้มั่นใจว่าตัวเองจะต้องประสบความสำเร็จ อะไรคือแรงบันดาลใจ

จากชีวิตสมรสที่ไม่ประสบความสำเร็จ เป็น Single Mon เป็นสิ่งที่เป็นแรงผลักดัน คือ เราต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว มีแม่เป็นเป็นแรงบันดาลใจ เราอยากให้เงินแม่ อยากให้แม่สบาย เงินเดือนเท่าไร ก็ต้องให้แม่ทุกเดือนเพราะเรารู้ว่าท่านต้องดีใจ เราอยากทำให้แม่มีความสุขขณะมีชีวิตอยู่ ส่วนลูกสาวก็เป็นกำลังใจในการทำงาน เพราะเราต้องทำให้เธอเกิด เราต้องเลี้ยงเธอให้ดีที่สุด ปัจจุบันเป็นนักศึกษาแพทย์ ปี 5 โรงพยาบาลวชิระ

หลักการทำงานในปัจจุบัน / ทำไมมาเลือกบริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ประกันชีวิต

1. ศรัทธา และมั่นใจในตัวสินค้า
ความหมายของประกันชีวิต คือเงินสดก้อนโต ที่ส่งมอบให้คนใดคนหนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน เชื่อว่า สินค้าดีที่สุดกับทุกคนจริงๆ  รองรับความจำเป็นกับชีวิต ประกันเป็นสินค้าที่ขายได้ทุกคน ขายให้เหมาะกับลูกค้า เราเชื่อมั่นในสินค้าของเรา แล้วเราจะกล้าพูดกล้าทำ

2. เชื่อมั่นในบริษัท
ทำไมเลือกอลิอันซ์ หลังจากเลือกมาแล้วใน 3 บริษัท ตกลงที่เลือกอลิอันซ์ อยุธยา มี 3 ข้อที่ฝาก
(1) มีแบบประกันผู้ป่วยนอก คือ OPD ไม่มีเตียง ไม่มีผ้าห่ม ไปหาหมอรับยากลับบ้าน บ.จ่ายค่ายา ค่าหมอให้
(2) สัญญาเพิ่มเติมผู้ชำระเบี้ย คุ้มครองทั้งสัญญาหลัก คุ้มครองทั้งชีวิต ครบสัญญาให้เงินคืน และคุ้มครองสัญญาเพิ่มเติมที่ซื้อพ่วงมา เช่น ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน อุบัติเหตุ ค่าชดเชยนอนรพ. ในกรมธรรม์เยาวชนที่อายุต่ำว่า 16 ปี บ.จ่ายเบี้ยทั้งจำนวนให้แก่ผู้ชำระเบี้ยที่เสียชีวิตและทุพพลภาพ ซึ่งบริษัทอื่นไม่ครอบคุ้มถึงสัญญาเพิ่มเติม
(3) อลิอันซ์ อยุธยา เป็นบริษัทประกันบริษัทแรก ที่เป็นมหาชน ของประเทศไทยเรา บริษัทที่เป็นมหาชนในประเทศ จะสามารถตรวจสอบการทำงาน การเงินอย่างโปร่งใส ซึ่งต่างจากบริษัทจำกัด ที่มีข้อจำกัดในการตรวจสอบ นอกจากนั้นอลิอันซ์ อยุธยา เป็นบริษัทที่ร่วมทุนไทยกับเยอรมัน มีระบบทันสมัย น่าร่วมงานด้วย

3. ทำงานแบบมั่นใจในสถิติ
เราต้องเชื่อว่างานขายเป็น งานสถิติ เราต้องพบคนมาก และต่อเนื่อง หากพบแล้วหยุดๆ ทำๆ สถิติใช่ไม่ได้ เหมือนห้างสรรพสินค้า ลงทุนมากกับจัดสถานที่เพื่อดึงดูดให้คนมาซื้อของ แต่คนเข้าห้างทุกคนไม่ได้ซื้อหมดทุกคน

4. อดทนกับคำปฏิเสธ
ขยันอย่างต่อเนื่อง ที่เข้าไปนำเสนอต่อหน้าผู้มุ่งหวัง เราต้องจริงใจกับลูกค้า และบริการอย่างเป็นเลิศ

การเปลี่ยนแปลงของชีวิต

ปัจจุบันอยู่ในอาชีพธุรกิจประกันชีวิต 18 ปี  สามารถส่งเบี้ยประกันให้ตัวเองปีละล้านกว่าบาท มีคอนโด 4 ที่ รถเปลี่ยนมาแล้ว 3 คัน เลี้ยงดูคุณแม่ และลูกสาวโดยไม่เดือดร้อย นอกจากนั้นยังมีบัญชีเงินเก็บสำหรับสว.อย่างสบายไม่ต้องกังวลเป็นภาระลูกหลาน

ข้อคิดสำหรับผู้เข้ามาทำงานให้ทั้งตัวแทนเก่าและตัวแทนใหม่

วันนี้ที่ตัวเองเข้ามาทำงานตรงนี้ คิดเสมอว่าอยากให้น้องๆ เพื่อนๆ ตัวแทนทุกคนอยู่ในอาชีพด้วยกัน เพราะการที่มีคนใดคนหนึ่งออกจากอาชีพไป ส่วนใหญ่ก็พูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับธุรกิจประกันชีวิต แล้วเราก็จะทำมาหากินลำบากขึ้น เรามาประคับประคองอาชีพของเรา คนไหนขายไม่ได้ เราต้องช่วยกัน ช่วยให้เค้าคิดบวก พอประสบความสำเร็จ ก็จะมีคนเห็นตัวอย่างที่ดี เดินตามวิธีการเดียวกัน

เหมือนคำบอกกล่าว “พูดความจริงมาเป็นร้อยๆ ครั้ง แค่โกหกแค่ครั้งเดียว ทุกอย่างพังทลาย” มันเหนื่อยเปล่าที่เราตั้งใจทำมาตลอด

ฝากข้อคิด สิ่งที่น่าเสียดาย 3 อย่าง

1. เจอครูแล้วไม่เรียน
2. เจอเพื่อนดีแล้วไม่สร้างความสัมพันธ์
3. ได้โอกาสดี แต่ไม่ใช่โอกาส แต่ให้โอกาสผ่านไป

สิ่งที่น่าเสียใจ 3 อย่าง

1. ไม่รู้วิธีตัดสินใจ
2. รู้แต่ไม่ตัดสินใจ
3. ตัดสินใจแล้วแต่ไม่ทำอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าเราแลกด้วยชีวิต แล้วเราจะได้รางวัลชีวิต
คุณจันดี กิตติบวร
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต