สรรค์ชัย ลาภสัมปันน์ชัยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายตัวแทน บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
ผ่านมาแล้วกว่าครึ่งทางสำหรับการแข่งขันช่วงชิงความเป็นเจ้าตลาดธุรกิจประกันชีวิต “เส้นทางนักขาย”ฉบับนี้ก็ได้รับเกียรติจาก“คุณสรรค์ชัย ลาภสัมปันน์ชัย” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายตัวแทน“บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต” อีกครั้งที่จะมาช่วย อัพเดทความสำเร็จของช่องทางตัวแทน ของ “AACP”
ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถึงแม้ประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบสุขสักแค่ไหน แต่ดูจะไม่ได้ทำให้ “AACP” สะดุ้งสะเทือนสักเท่าไร นั้นเพราะว่าเฉพาะช่องทางตัวแทน “AACP” ก็สามารถผลิตเบี้ยได้ไปพันกว่าล้านบาท ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า กลยุทธ์ที่ “AACP” วางไว้ช่วงต้นปีนั้นเกิดผล ช่วงครึ่งปีหลังที่เหลืออยู่นี้จึงเปรียบเสมือน 300 เมตรสุดท้ายของการแข่งขันที่ “คุณสรรค์ชัย” จะต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะนำเหล่าฝ่ายขายของ “AACP” ไปถึงฝั่งฝันตามที่ตั้งใจไว้...
“จุดเด่นของเราคือ การเปิดโอกาสให้คนใหม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารได้เร็ว และสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกับเราได้เร็ว เราไม่จำกัดอายุงาน เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถก็ไม่ต้องให้เวลามาเป็นเครื่องปิดกั้น การแสดงความสามารถ เราให้โอกาสทันที...บริษัทเราให้โอกาสคนเก่ง ให้โอกาสคนที่ทะเยอทะยานได้พิสูจน์ตัวเองตลอดเวลา พร้อมที่จะเลื่อนตำแหน่ง พร้อม ที่จะให้โอกาสกับพนักงานทุกคน” |
ยุทธศาสตร์การบริหารฝ่ายขาย AACP ครึ่งปีหลัง
เพื่อให้การทำงานของตัวแทนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ช่วงครึ่งหลังของปี 53 “คุณสรรค์ชัย” ยังคงให้ความสำคัญเรื่องของการแข่งขันต่างๆ เช่น President Club ชิงรางวัลไปฝรั่งเศสและการแข่งขัน CAO Club ชิงรางวัลไปอียิปต์ ซึ่งเป็นคุณวุฒิที่ “AACP” จัดเป็นประจำปีละ 2 ครั้งและการแข่งขัน Recruitment Challenge ชิงรางวัลไปฮาร์บิน ซึ่งจะจัดทุกๆ 3 เดือนสำหรับการเลือกประเทศที่จะนำมาเป็นรางวัล “คุณสรรค์ชัย” จะให้บรรดาฝ่ายขายเป็นผู้เสนอมา
“คุณวุฒิทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ชักจูงใจให้บรรดาฝ่ายขายเกิดกำลังใจในการทำงาน และเราต้องการที่จะปลูกฝังให้ฝ่ายขายได้มองเห็นว่า การทำธุรกิจประกันชีวิตนี้เป็นการส่งต่อความรัก ส่งต่อความปรารถนาดี ของความรู้สึกที่ดีสู่คนต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ต้องการจะทาสีบ้านทุกหลังเป็นสีน้ำเงิน”
“คุณสรรค์ชัย” มองว่าการที่จะเข้าไปทาสีบ้านของทุกคนให้เป็นสีน้ำเงินได้ “AACP”ก็ต้องเพิ่มจำนวนคนที่ออกไปกระจายวิสัยทัศน์ ของบริษัท ออกไปกระจายตัวสินค้า ไปสื่อสารกับกลุ่มผู้มุ่งหวัง โดย“คุณสรรค์ชัย”มีกลยุทธ์เรื่องของการให้โอกาสฝ่ายขายได้เปิดเป็นเจ้าของสำนักงานตัวแทน ซึ่งถือว่าเป็นไม้เด็ดที่จะนำมาใช้ในการต่อกรกับคู่แข่งทางธุรกิจ
“เพราะเราเล็งเห็นว่าการเปิดสำนักงานตัวแทน ทำให้เราเข้าถึงความต้องการของ ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ได้บริการเป็นที่เก็บเบี้ยประกันชีวิต ได้ให้ความรู้ เป็นแหล่งฝึกอบรมตัวแทน พัฒนาตัวแทน ใกล้ชิดประชาชน ซึ่งตอนนี้เรามีประมาณสำนักงานเกือบ 260 แห่งและยังคงทยอยเปิดขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีฝ่ายขายได้แสดงเจตจำนงค์มาแล้วในครึ่งปีหลัง มีนักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการต่างๆ ให้ความสนใจที่ต้องการมาเป็นเจ้าของสำนักงานร่วมกับบริษัทของเราค่อนข้างเยอะ”
“บริการหลังการขาย” ยุทธศาสตร์ต่อเนื่องเพื่อต่อยอดความสำเร็จในปี 54
“คุณสรรค์ชัย”ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงเหตุผลที่เหล่านักธุรกิจเริ่มหันมาสนใจการเปิดสำนักงานตัวแทนกับ“AACP” นั้นเป็นเพราะพวกเขาเล็งเห็นและมั่นใจในระบบการรองรับเรื่องการจัดตั้งสำนักงานตัวแทน พร้อมทั้งเห็นถึงผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับไปพร้อมๆกับการดูแลครอบครัวหรือธุรกิจของเขาได้ด้วยตัวเอง
นอกจากยุทธศาสตร์การเปิดสำนักงานตัวแทน“คุณสรรค์ชัย” ยังมีแบบประกัน 10/3 ที่จะออกมาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อที่จะมาช่วยเร่งเบี้ยประกันของ “AACP” ให้เพิ่มมากขึ้น
“เพราะว่าบริษัทอื่นๆจะออกพวก Single Premium ซึ่งเป็นการฝากเงินระยะสั้นแต่คุ้มครองยาว ดอกเบี้ยสูงหรือให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงกับลูกค้าเพื่อเป็นการจูงใจ แต่สำหรับ AACP ยังมีอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่จะใช้ในการเร่งเบี้ยนอกจากออกกรมธรรม์10/3 ก็คือ เน้นขายลูกค้ารายใหญ่เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งปลูกฝังให้ตัวแทนเพิ่มคุณภาพด้านการขาย ด้วย
การให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย”
“คุณสรรค์ชัย” เผยถึงที่มาของยุทธศาสตร์การบริการหลังการขาย เกิดขึ้นเมื่อ “AACP” ได้ทำการออกสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการจากบริษัทประกันชีวิตจริงๆแล้วคืออะไร ผลที่ได้ออกมามีความต้องการเรื่องผลประโยชน์นั้นมีเปอร์เซนต์ออกมาน้อยมาก แต่สิ่งที่มีเปอร์เซนต์สูงสุดประมาณ 80% ที่ลูกค้าต้องการ คือ “การดูแลเอาใจใส่จากฝ่ายขาย”
“ฉะนั้นถ้าเกิดว่าฝ่ายขายดูแลเอาใจใส่ลูกค้าของเขาดี บริการหลังการขายดี ไปเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอ โอกาสที่ลูกค้าจะซื้อกรมธรรม์เพิ่มก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น หรือโอกาสที่ลูกค้าจะแนะนำลูกค้าเพิ่มให้ก็ยิ่งมีมากขึ้น โอกาสที่จะขายได้ทั้งครอบครัวก็เพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดนี้คือการเกิด loyal (ความซื่อสัตย์) ระหว่างลูกค้ากับบริษัทเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผมจึงจะมุ่งเน้นปลูกฝังและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนก็มีอยู่แล้ว ฝ่ายขายของAACPก็จะมีความเป็นมืออาชีพเพิ่มมากขึ้น เมื่อฝ่ายขายมีความเป็นมืออาชีพเพิ่มมากขึ้นมันก็จะก่อให้เกิดผลดีกับบริษัทและลูกค้า เพราะว่าคนที่มีความเป็นมืออาชีพ เขาก็จะบริการลูกค้าอย่างมีระบบระเบียบแบบแผน ผมมองว่าเรื่องการบริการหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญมากครับ”
แผนกระจายความเป็นมืออาชีพออก สู่ภูมิภาค
“คุณสรรค์ชัย” ได้ทำการสร้างทีม CAO Management Team ที่คอยช่วยดูแลฝ่ายขายขึ้นมา 5 ส่วนภูมิภาค ได้แก่ “คุณคมกฤษ ลายลักษณ์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทน ดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ, คุณอานนท์ ศิรินาฏเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทน ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกและตะวันตก, คุณ พิสณฑ์ กุลชนตรัยสิทธิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทน ดูแลพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ, คุณวิกร ฐิติกวิน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทน ดูแลพื้นที่ภาคใต้, คุณชาญ เยาวะนิจ ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทน ดูแลพื้นที่ปริมณฑลและภาคกลาง สำหรับคุณกฤษดา กิติทัศน์เศรณี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตัวแทน ดูแลและสนับสนุนพื้นที่โดยรวม
“ตอนนี้ผมเองก็เดินทางไปพบปะกับฝ่ายขายทั่วประเทศเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกสิ่งที่ผมเป็น ผมก็ปลูกฝังให้กับบรรดา 5 CAO Management Team ให้ทุกคนเข้าใจถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทว่าต้องการเป็นปัจจัยหลักในการสร้างความมั่นคงและคุ้มครองให้ทุกครอบครัวไทย เราจะทาสีบ้านทุกหลังเป็นสีน้ำเงิน เพราะฉะนั้นทั้ง 5 ท่านจะต้องเข้าใจถึงความตั้งใจนี้ของบริษัทอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และต้องมีความสามารถในการสื่อสารนโยบายหลักของบริษัทสู่ฝ่ายขายในพื้นที่ที่ตนดูแลอยู่ได้เป็นอย่างดี”
“คุณสรรค์ชัย” ชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบันนี้ฝ่ายขายของ“AACP”เริ่มเปลี่ยนไป นั่นเป็นเพราะ “AACP”เปลี่ยนแนวคิดของพวกเขา คนที่เข้ามาร่วมงานเข้ามาร่วมธุรกิจกับ“AACP”ก็กลายมาเป็นหัวหน้าหน่วย มาเป็นเจ้าของสำนักงาน รวมถึงการเป็นตัวแทนมืออาชีพ
“เดี๋ยวนี้มีคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมธุรกิจกับเราแบบฟูลไทม์เยอะมาก โดยเฉพาะต่างจังหวัดขณะนี้ก็เริ่มมีอย่างเช่นล่าสุด มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ภาคใต้ เป็นคนมีศักยภาพสูงชื่อ คุณจีรพร เป็นนักร้องอยู่ พอเขามาทำธุรกิจร่วมกับเรา เขาเห็นอนาคตในบริษัท เขาจึงตัดสินใจไปลาออกจากการเป็นนักร้อง แล้วก็มาเป็นมืออาชีพ และตอนนี้เขาก็สร้างทีมขยายทีมได้เก่งมากๆที่ภาคใต้ ภาคอีสานก็มีเจ้าของปั๊มน้ำมัน เจ้าของร้านถ่ายรูป เจ้าของศูนย์ดีลเลอร์โตโยต้า มาทำงานร่วมกับเรา”
ทั้งหมดนี้ก็ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ “AACP” พยายามป้อนให้กับเหล่าฝ่ายขายของตนนั้นเกิดผล เพราะพฤติกรรมของคนที่ได้มาร่วมงานกับ“AACP”เริ่มเปลี่ยนไป“คุณสรรค์ชัย” ตอกย้ำว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ “AACP”ทำมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมาเห็นผล เพราะคนไทยยังยึดตึดกับความมั่นคงมากกว่าความมั่นคั่ง แต่“AACP”ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าความมั่นคั่ง ความมั่นคง อยู่ที่ความสามารถของตัวฝ่ายขายเอง เพราะฝ่ายขายเริ่มมีเหตุมีผลในการคิดมากขึ้น
สิ่งหนึ่ง “คุณสรรค์ชัย” มักปลูกฝังกับฝ่ายขายเสมอและเป็นสิ่งที่ไปสอดคล้องกับโลโก้ของยูนิเซฟ ที่กำลังรณรงค์ไปทั่วโลกเรื่องการลดช่องว่างคนจนคนรวยทั่วโลก ซึ่ง“คุณสรรค์ชัย” มีความคิดว่ามีหนทางเดียวที่จะลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้มาอยู่ในระดับเดียวกันก็คือEducations (Educations is the most powerful respond to change the world) ที่แปลว่า การศึกษาหรือการมีความรู้เท่านั้นที่จะทำให้โลกนี้เปลี่ยนไป คนจนคนรวยจะลดช่องว่างลงเมื่อคนจนมีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้น มีโอกาสได้รับการช่วยเหลือด้านการศึกษามากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่คนจนมีมากกว่าการศึกษาคือ ความอดทนทางด้านร่างกายและความอดทนทางด้านจิตใจ แต่คนจนขาดแค่วิธีคิด ขาดความเฉลียวฉลาด
“ดังนั้นถ้าเราให้สิ่งเหล่านี้กับเขาได้ เราควรให้เขา ผมมุ่งเน้นเรื่องการให้การศึกษา การให้ความรู้กับประชาชนทุกระดับ ผมเชื่อว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อบริษัท แต่เพื่อประเทศที่เราอยู่ด้วย ผมเชื่อว่าถ้าวันนี้คนไทยมีวิสัยทัศน์เพิ่มมากขึ้น มีความเฉลียวฉลาดทางความคิดเพิ่มมากขึ้น อุตสาหกรรมประกันชีวิตไทยก็จะดีขึ้นเรื่อยๆอย่างแข็งแกร่ง ดังที่ผมกำลังทำให้คนAACPรู้ว่า มนุษย์ขุดทองจากสมองได้มากกว่าพื้นดิน”
กลยุทธ์กระตุ้นตัวแทนให้มีผลงาน ต่อเนื่อง
การทำงานที่จะให้เกิดความต่อเนื่อง “คุณสรรค์ชัย” มองว่าต้องสร้างความเป็นมืออาชีพให้เกิดในตัวฝ่ายขายก่อน วิธีการที่ “AACP”ใช้สร้างความเป็นมืออาชีพให้กับฝ่ายขายคือ การทำให้ตัวแทนมีความรู้อย่างเป็นระบบ โดยการเข้าหลักสูตรฝึกอบรมที่ “AACP” ใช้เงินจำนวมหาศาลซื้อหลักสูตรที่ดี ๆ ระดับโลกมาจากประเทศสิงคโปร์
“เพื่อเอามาพัฒนาให้สอดคล้องกับประเทศไทย อย่างเช่น JumpStart ที่เป็นการสอนพื้นฐานการเป็นตัวแทนที่เป็นระบบ จากนั้นก็พัฒนาเป็นตัวแทนมืออาชีพภายใน 10 สัปดาห์ด้วยหลักสูตร Professional Pattern of Selling หรือ “PPS” ซึ่งเป็นหลักสูตรของอลิอันซ์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกและทางอยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. นำมาปรับใช้ ต่อมาก็เป็นการพัฒนาทักษะเตรียมเป็นผู้บริหารหลักสูตร Professional Pattern of Leadership หรือ “PPL” เป็นหลักสูตรพัฒนาศักยภาพและสร้างความมั่นใจให้ตัวแทนเติบโตเป็นผู้บริหารหน่วยมืออาชีพอย่างยั่งยืน เมื่อขึ้นเป็นผู้บริหารหน่วยมืออาชีพแล้วก็ต้องเข้า การบริหารงานขายและสร้างทีมให้ประสบความสำเร็จอย่างมืออาชีพด้วยหลักสูตร Sales Management Training course หรือ “SMTC” เป็นต้น”
จุดแข็งของ AACP ที่ก่อให้พนักงานเกิดความจงรักภักดี
“คุณสรรค์ชัย”เอ่ยด้วยความภาคภูมิว่า “AACP” มีโครงสร้างผลประโยชน์ที่ดีที่สุดในบริษัทหนึ่งของอุตสาหกรรมประกันชีวิต แต่ทุกบริษัทมีดีเหมือนกันหมด แต่มีความแตกต่างตรงที่ว่าดีอย่างไร
“จุดเด่นของเราคือ การเปิดโอกาสให้คนใหม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารได้เร็ว และสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกับเราได้เร็ว เราไม่จำกัดอายุงาน เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถก็ไม่ต้องให้เวลามาเป็นเครื่องปิดกั้นการแสดงความสามารถ เราให้โอกาสทันทีที่มีคุณสมบัติพร้อมตรงตามที่บริษัทกำหนดไว้ อีกหนึ่งจุดเด่นคือการที่ AACP ชูธงเรื่องการเป็นเจ้าของตัวแทน ทุกคนที่มีฝันว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจเอง แต่ยังไม่รู้จะไปทำอะไร เขาก็หันมาทำกับเรา และเราก็มีหลักสูตรการฝึกอบรมที่ไม่เป็นสองรองใคร และบริษัทเราให้โอกาสคนเก่ง ให้โอกาสคนที่ทะเยอทะยานได้พิสูจน์ตัวเองตลอดเวลา พร้อมที่จะเลื่อนตำแหน่ง พร้อมที่จะให้โอกาสกับพนักงานทุกคน”
เรียกได้ว่าเคล็ดลับที่ทำให้เหล่าพนักงานเกิดความจงรักภักดีกับองค์กร อยู่ที่การสร้างขวัญและกำลังใจโดยให้โอกาสกับพนักงานทุกคน ทุกระดับชั้นได้แสดงความสามารถและพัฒนาศักยภาพตนเองอยู่ตลอดเวลา
ความคาดหวังของ“CAO”อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต
ความฝันสูงสุดของ“คุณสรรค์ชัย”คือ ต้องการเห็นอุตสาหกรรมประกันชีวิตในประเทศไทยเติบโตขึ้นจนทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านได้
“ผมเชื่อว่าถ้ากองทุนมิยาซาวาเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นได้ ก็ต้องเกิดขึ้นในประเทศไทยได้เช่นกัน ผมอยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบนั้น ถ้าประเทศไทยมีกองทุนแบบนั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินเท่าไร แต่นั่นก็คือเงินที่ได้จากการออมเงินของคนที่ทำประกันชีวิต ซึ่งรัฐบาลก็จะได้ไม่ต้องไปเอาเงินจากที่มาพัฒนาประเทศ แต่นำเงินจำนวนนี้มาใช้พัฒนาประเทศไทยของเรา พวกเรารักในหลวง รักพระราชินี ผมไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าประเทศจะให้อะไรคุณ แต่อยากให้คุณคิดว่าจะให้อะไรกับประเทศบ้าง เพราะผมมีความเชื่ออยู่อย่างว่า ถ้าคนไทยมีคุณภาพ ในหลวงท่านก็จะเหนื่อยน้อยลง ระบบธุรกิจประกันชีวิตสามารถทำให้คนมีคุณภาพชีวิตเพิ่มมากขึ้นได้ ถ้าเราทุกคนช่วยกันทำให้คนมีความรู้เรื่องประกันชีวิต จาก 21% ก็จะกลายมาเป็น 30% ,50 % จนวันหนึ่งเต็ม 100% ได้อย่างแน่นอน แล้ววันหนึ่งประเทศไทยจะพัฒนามากกว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่า คุณภาพชีวิตคนไทยก็จะเพิ่มมากขึ้นสูงขึ้น นี่คือปฏิภาณของผม และปฏิภาณของ AACP ครับ”
นี่คือสิ่งที่“คุณสรรค์ชัย”และ“AACP”มุ่งหวังและกำลังแสดงให้เราทุกคนเห็นว่า สิ่งที่พวกเขาร่วมมือร่วมแรงร่วมใจทำ ก็เพื่อต้องการเข้าไปทาสีบ้านทุกหลังเป็นสีน้ำเงิน และจะเป็นปัจจัยหลักในการสร้างความมั่นคงให้กับทุกครอบครัวไทย ดังสโลแกนที่ว่า “เราจะเคียงข้างคุณทุกจังหวะของชีวิต”
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 189 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 ตุลาคม 2553
< Prev | Next > |
---|