เอเอซีพียุบคอลเซ็นเตอร์ภูมิภาคเชียงใหม่-โคราช เหตุยอดขายต่ำกว่ากรุงเทพฯเกิน 50% แต่ยังสู้ไม่ถอยปีนี้บริษัทแม่ให้งบ 300 ล้านบาท พัฒนาระบบบริหารจัดการทั้งยวง เตรียมทุ่มเชื่อมระบบกับคู่ค้า พร้อมประกาศแข่งหาพันธมิตรทุกรูปแบบ ปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยปีแรกโต 40% โกย 6,000 ล้านบาท ตัวแทน รับเป้า 4,000 ล้านบาท แบงก์แอสชัวรันส์ไดเรกต์ อีกช่องละ 1,000 ล้านบาท หวังเบี้ยรวมแตะ 20,000 ล้านบาท สร้างประวัติศาสตร์ใหม่สำเร็จ
นายสตีเฟ่น แอปเปิ้ลยาร์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต (เอเอซีพี) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์ที่เชียง ใหม่ และนครราชสีมาลง เพื่อให้เหลือเพียง 3 แห่งที่กรุงเทพฯ คือ ที่สำนักงาน ใหญ่อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ ที่อาคาร สุรวงศ์ และที่อาคารโมเดิร์นฟอร์ม สำหรับการทำตลาดการขายผ่านทางโทรศัพท์ หรือเทเลมาร์เก็ตติ้ง (Tele Marketing) เนื่องจากยอดขายไม่ดีนัก และเมื่อเทียบอัตราการทำงานของพนักงานกับปริมาณงานที่ได้ถือว่าไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย
“ปัญหาที่เราพบ คือ ยอดขายไม่สม่ำเสมอ และต่ำมา โดยเราจะมีการส่งหัวหน้าทีมจากส่วนกลางไปดูแลทุกเดือน ซึ่งในช่วงที่หัวหน้าไปคุมยอดขายก็จะดีขึ้น แต่เมื่อหัวหน้ากลับยอดขายก็จะตกลงมาเหมือนเดิม ขณะเดียวกันความคาดหวังของพันธมิตรคู่ค้าที่ให้ข้อมูลรายชื่อผู้มุ่งหวังเรามาก็สูง ว่าเราจะต้องทำยอดขายให้ได้ตามที่เขาวางไว้ แต่ในความเป็นจริงตลาดต่างจังหวัดค่อนข้างทำได้ยาก ยอดขายก็ต่ำกว่ากรุงเทพฯ มากกว่า 50% ดังนั้นเราจึงต้องปรับใหม่ด้วยการรวบให้มาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพียงจุดเดียว”
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า การทำเทเล มาร์เก็ตติ้งให้ประสบความสำเร็จต้องมีขนาดที่เหมาะสม โดยไม่ควรจะเกิน 150-200 คนต่อ 1 คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีพนักงานขายรวมทั้ง 3 แห่งอยู่ที่ 404 คน
อย่างไรก็ดี บริษัทยังมุ่งที่จะขยายงานในช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งนี้ให้มากขึ้น โดยปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณ 300 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างระบบงาน ระบบเทคโนโลยี และระบบการ บริหารงานของบริษัทให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันตัวแทนเองก็สามารถที่จะเข้า ถึงข้อมูลต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการด้าน เอกสารผ่านระบบไอทีได้รวดเร็วขึ้น อาทิ ระบบ E-Application การคีย์ใบคำขอผ่าน ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้สำนักงานใหญ่พิจารณารับประกันได้อย่างรวดเร็วทำให้สามารถสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ การปรับระบบงานยังรวมไปถึงการปรับระบบการเชื่อมโยงข้อมูลกับพันธมิตรคู่ค้าด้วย ซึ่งแต่ละรายต่างก็มีระบบข้อมูลที่ต่างกัน ดังนั้นจึงต้อง ปรับระบบการเชื่อมโยงให้สามารถที่จะเข้า กันได้ดีที่สุด โดยปัจจุบันบริษัทมีคู่ค้าด้านเทเลมาร์เก็ตติ้งอยู่ 6 ราย และปีนี้ตั้งเป้า จะเพิ่มคู่ค้าใหม่ๆ ให้มากขึ้น โดยพร้อมที่จะแข่งขันเพื่อให้ได้มาในทุกรูปแบบ และอีก ส่วนเป็นการลงทุนในเรื่องของการสร้าง แบรนด์ ทั้งในเรื่องของการโฆษณา และการ ขายผ่านระบบดีอาร์ทีวี (Direct Response TV) ซึ่งจะเริ่มประมาณไตรมาส 3-4 ปีนี้
“ในปี 2554-2555 เรายังเตรียมงบ ไว้อีกปีละ 200 ล้านบาทสำหรับการลงทุน ในประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่ม อลิอันซ์ ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโต ในตลาดประกันชีวิตไทย มองเป็นประเทศ ที่มีศักยภาพสูงในเอเชียแปซิฟิก จึงทำให้บริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ที่ประเทศเยอรมนีอย่างต่อเนื่อง โดยแผน 3 ปีนี้เราต้องการพัฒนาระบบให้มีความสามารถเหนือคู่แข่งให้ได้”
นายสตีเฟ่น กล่าวว่า สำหรับแผน การดำเนินงานในปี 2553 นี้ บริษัทตั้งเป้า เบี้ยรับรวมไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 27% จากที่ทำได้ 15,722 ล้านบาท ในปี 2552 ที่ผ่านมา แบ่งเป็นเบี้ยปีแรก (FYP) 6,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 41% และเป็นเบี้ยต่ออายุ 14,000 ล้านบาท โดย ยังคงเน้นการขยายตลาดผ่าน 3 ช่องทาง ขายหลัก คือ ช่องทางตัวแทนตั้งเป้าเบี้ยปีแรกไว้ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 55% จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 2,571 ล้านบาท, ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ตั้งเป้า เบี้ยปีแรกไว้ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 19% จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 841 ล้านบาท และช่องทางไดเรกต์ ซึ่งรวมช่อง ทางเทเลมาร์เก็ตติ้งด้วย โดยตั้งเป้าเบี้ยปี แรกไว้ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 32% จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 755 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ด้านตัวแทน ตั้งเป้ารีครูตตัวแทนใหม่ (New Code) เพิ่มอีก 18,000 คน จากปัจจุบันมีตัวแทนทั้งหมด 25,634 คน และเป็นตัวแทนที่มีผลงานสม่ำเสมอ (Active Agent) 3,702 คน โดยปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 6,000 คน ด้วยการเพิ่มผลประโยชน์เพื่อจูงใจให้ตัวแทนแอ็กทีฟมากขึ้น
“ปีที่แล้วเราสามารถรีครูตตัวแทนใหม่ได้ตามเป้า คือ 16,000 คน แต่ยอมรับ ว่าจำนวนตัวแทนทำงานของเรายังน้อย ดังนั้นในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาเราจึงได้ปรับโครงสร้างภายในของตัวแทน ด้วยการแบ่งโซนทำงานทั่วประเทศเป็น 5 ภาค โดยแต่ละภาคมีผู้บริหารดูแลอยู่ และบริษัทมีการกำหนดเป้าหมายให้เขารับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้การทำงาน เพิ่มมากขึ้น และปีนี้เราจะให้ผลประโยชน์ เพิ่มขึ้นสำหรับคนที่มีผลงาน ในลักษณะยิ่ง ทำมากก็ยิ่งได้มากตาม เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่เราวางไว้”
ส่วนช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ปีนี้จะเพิ่มสินค้าใหม่ๆ มากขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่อย่างไรก็ดี ยังต้องรอหารือกับผู้บริหารใหม่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาด้วยว่าจะมีนโยบายอย่างไรบ้าง
“เราเชื่อว่าปีที่ผ่านมาเราเดินมาถูก ทาง และได้ลงทุนไปในหลายส่วน ซึ่งกำลังรอเก็บเกี่ยวความสำเร็จในปีนี้ ดังนั้นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงในวันนี้คือเป้าหมายด้านการ เติบโตที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามยอดขาย โดยปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 40% หากสามารถทำได้ จะเป็น การสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของเรา”
ทีมา : www.siamturakij.com
< Prev | Next > |
---|