ลดภาษี..นับหนึ่งอีกยก

Print

ลดภาษี..นับหนึ่งอีกยก

สุขภาพ-พีเอ-บำนาญแจ็กพอต!


ประกันชีวิตทำใจ ลดหย่อนภาษีสุขภาพ-บำนาญอาจ ลากยาวไปปีหน้า หลังสรรพากรให้การบ้านส.ชีวิตเก็บตัวเลขสถิติการซื้อประกันสุขภาพของลูกค้าประกอบการพิจารณา เผยต้องทำสถิติยอดซื้อประกันสุขภาพของลูกค้า แต่ละรายค่าเฉลี่ยเท่าไร หวังแจงข้อมูลละเอียดให้เห็นตัวเลขชัดที่สุด ไม่ให้กระบวนการพิจารณาสะดุด ส่วนลด หย่อนภาษีกรมธรรม์บำนาญยิ่งใช้เวลานานกว่า ต้องแก้ ประมวลรัษฎากร ส่งผลสินค้าสุขภาพ-บำนาญช่วงปลายปีหงอย เหตุทุกค่ายต่างตั้งตารอภาษี

โค้งสุดท้ายนอกจากธุรกิจประกัน ชีวิตจะตั้งหน้า ตั้งตาแข่งขันกันสร้างผล ผลิตเพื่อให้เป็นไปตามเป้าแล้ว ยังต้องรอลุ้นข้อเสนอการขอเพิ่ม ลดหย่อนภาษีที่ได้ยื่นเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปเมื่อ 1 กันยายน 2552 ทั้งในเรื่อง ของการขอลดหย่อนภาษีให้กับกรม ธรรม์บำนาญ 100,000 บาท ซึ่งถือ เป็นสินค้าใหม่แกะกล่องของธุรกิจในปีนี้ เพื่อเป็นการสนองนโยบาย รัฐในการปลุกกระแสการออมให้ กับประชาชน ให้หันมาสร้างระบบบำนาญไว้ใช้ในยามเกษียณ และ เป็นการเตรียมรับมือกับโครงสร้างประชากร

ที่กำลังเปลี่ยนไปเป็นสังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society มากขึ้น และการขอเพิ่มลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นการยื่นขอไปในนามของสภาธุรกิจประกันภัย เพื่อให้เกิดการลดหย่อนภาษีสำหรับกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ทั้งการซื้อกับบริษัทประกันชีวิตในรูปของสัญญาณเพิ่มเติมประกันสุขภาพ รวมทั้งประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และสัญญาณเพิ่มเติมอื่นๆ และการซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพกับบริษัทประกันวินาศภัย โดยขอลดหย่อนฯในวงเงิน 50,000 บาท ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมสรรพากร และกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่าน่าจะได้รับการพิจารณาอนุมัติภายในปีนี้

กระทั่งน.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออก มาตอกย้ำอีกครั้งว่า กรมสรรพากรกำลังพิจารณาเรื่องนี้ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังศึกษารายละเอียดผลดี-ผลเสียของการเพิ่มลดหย่อนภาษี คาดว่าจะสรุปแนวทางได้ไม่เกินสิ้นปีนี้

แต่ข้อเท็จจริงอาจจะไม่เป็นตามนั้น อาจจะไม่ได้รับการอนุมัติเร็วอย่างนั้น กล่าวคือ ไม่ทันลดหย่อนภาษีในปีภาษีนี้ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2553 ด้วย หากพิจารณาจากกระบวนการปฏิบัติที่ต้องมีการเก็บสถิติข้อมูลประกอบ โดยสาระ ล่ำซำ นายกสมาคม ประกันชีวิตไทย เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า ทางกรมสรรพากรได้ให้สมาคมมาจัดทำตัวเลขเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาการขอลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพ ซึ่งทาง สมาคม กำลังจัดทำกันอยู่ตามที่ได้รับโจทย์มา หลังจากนั้นก็จะนำไปเสนอให้กรมสรรพากร เพื่อประกอบการพิจารณา ส่วนจะได้รับการอนุมัติหรือไม่อย่างไร หรือเมื่อใดทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่การพิจารณาของกรมสรรพากร

“เราก็ต้องทำตามโจทย์ที่กรมสรรพากร ต้องการ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา ซึ่ง คงตอบแทนไม่ได้ว่าทางกรมสรรพากรจะอนุมัติหรือไม่อย่างไร หรือจะพิจารณาเสร็จเมื่อใด แต่เราก็หวังว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะ การลดหย่อนภาษี เป็นเรื่องที่ประชาชนได้ประโยชน์”

นายสาระ กล่าวว่า ในเรื่องของการ ขอลดหย่อนภาษีนี้ คาดว่าในเรื่องของขอลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันสุขภาพน่าจะได้รับการ พิจารณาก่อนการขอลดหย่อนภาษีกรมธรรม์ บำนาญ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อ ทั้งผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพ ผ่านบริษัทประกันชีวิต และผ่านบริษัทประกันวินาศภัย ซึ่งได้ยื่น ขอไปในนามสภาธุรกิจประกันภัย ดังนั้นจึงน่า จะได้รับการพิจารณาก่อนเรื่องของลดหย่อนภาษีกรมธรรม์บำนาญที่อาจจะยังต้องใช้เวลา พิจารณานานกว่า ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะทันปีนี้น่าจะเป็นปีหน้าถึงจะได้ข้อสรุป

นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ อุปนายกฝ่าย บริหาร สมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวกับ “สยามธุรกิจ”ว่า ตัวเลขที่สมาคมจะจัดทำ เพื่อนำเสนอต่อกรมสรรพากรนั้น เป็นตัวเลขเบี้ยประกันที่ผู้ซื้อสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) รวมทั้งสัญญาเพิ่มเติมอื่นๆ อยู่ในช่วงของอัตราเบี้ยเท่าใดบ้าง เช่น 20,000 บาท, 30,000 บาท, 40,000 บาท หรือ 50,000 บาท เพื่อให้ เห็นภาพชัดเจน

“ตัวเลขนี้เราไม่ได้นับที่จำนวนกรม ธรรม์ แต่เราจะนับที่ลูกค้าแต่ละคนซื้อประกันสุขภาพ พีเอ รวมถึงสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ เฉลี่ยแล้วเป็นเบี้ยเท่าใด เพราะลูกค้าบางรายไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพจากบริษัทประกันชีวิตเพียงแห่งเดียว ดังนั้นจึงไม่อาจจะนับจำนวนกรมธรรม์ได้ แต่เราจะนับจากจำนวนเบี้ยที่ลูกค้ารายนั้นๆ ซื้อประกันสุขภาพ ทั้งหมดโดยเฉลี่ยเป็นเบี้ยเท่าใดในแต่ละปี จะทำให้เห็นภาพชัดว่ามีคนจำนวนเท่าใดที่ซื้อ ประกันสุขภาพในแต่ละปี และเป็นเบี้ยเฉลี่ยต่อรายเท่าใด ซึ่งเราก็พยายามทำตามที่กรมสรรพากรต้องการเพื่อให้เห็นภาพชัด ส่วนจะพิจารณา อย่างไร จะให้เราได้เท่าใด ถึง 50,000 บาท ตามที่ขอ หรือน้อยกว่านั้นเราเอาหมด”

ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมประกันชีวิตไทย ให้ความเห็นกับ “สยามธุรกิจ”ว่า ใน เรื่องของการจัดทำตัวเลขเพื่อไปเสนอเพิ่มเติมต่อกรมสรรพากรคงไม่มีปัญหา และน่าจะทำให้การพิจารณาลดหย่อนภาษี เบี้ยประกันสุขภาพจะได้ข้อสรุปเร็ว เพราะกรมสรรพากรก็เร่งรัดหารือในเรื่องนี้ โดยเชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ซึ่งอย่างเร็วที่สุดก็น่าจะทันสิ้นปีนี้ แต่ช้าสุดก็คงไม่เกินต้นปีหน้า เพราะไม่ได้มีขั้นตอนซับซ้อนเหมือนการขอลดหย่อน ภาษีกรมธรรม์บำนาญที่คงไม่ทันปีนี้แน่ เพราะ ขั้นตอนซับซ้อนกว่า เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยว ข้องกับการแก้ไขประมวลรัษฎากรในเรื่องของการตั้งสำรอง หากว่ากรมสรรพากรสามารถแก้ไขประมวลรัษฎากรให้ธุรกิจตั้งสำรองตามจริงได้ถือเป็นอันจบปัญหา

“ลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันสุขภาพน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ เพราะไม่มีประเด็น ซับซ้อน และบริษัทประกันชีวิต และบริษัท ประกันวินาศภัยต่างก็หมายมั่นปั้นมือที่จะให้ได้รับการอนุมัติภายในปีนี้เพื่อให้เป็น สินค้ากระตุ้นตลาด ช่วยปลายปี ตอนนี้ก็เลยยังรีรอกันอยู่ หากได้รับอนุมัติปุ๊บเชื่อว่าตลาดปลายปีนี้คึกคักแน่ ส่วนประเด็นในเรื่องของลดหย่อนภาษีกรม ธรรม์บำนาญ คงไม่ทันปีนี้ เพราะเกี่ยวพันไปถึงเรื่องของการแก้ไขประมวลรัษฎากรในเรื่องของการตั้งสำรอง หากกรมสรรพากรยอมแก้ไขให้ก็จบการขอลดหย่อนภาษีกรมธรรม์บำนาญก็จะไม่มีปัญหา และจะทำให้สินค้าประเภทนี้แจ้งเกิดได้”

ที่มา หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ  ฉบับที่ 1047 ประจำวันที่ 7-11-2009  ถึง 10-11-2009